Home Grown Audio Silver Lace

silverlace

Home Grown Audio Silver Lace Interconnect

HomeGrown Audio Silver Lace interconnect
โดย พจน์ อุดมลาภสกุล
10/12/44

ราคา
http://www.homegrownaudio.com ซื้อตรงจาก website ของ HomeGrown หัว RCA Homegrown $190/ 1 m pair
หรือประมาณ 8,550 บาท / 1m pair

ซื้อจากคุณ kj – kongjuk@hotmail.com
สายเมตรละ 2,300 บาท (1 คู่ ใช้ 2 เมตร = 4600)
หัว Homegrown RCA 1000บาท = 5,600 บาท
หัว WBT 1400 บาท = 6,000 บาท
หัว WBT รุ่น 0108 (top model) 3000 บาท = 7,600 บาท

ผมได้ยินชื่อของ Homegrown ในหมู่ของ DIY mailing list ก่อนเป็นที่แรก ที่เริ่มต้นมีคนพูดถึงคุณภาพของมันมาเข้าหูเรื่อยๆ และผมเคย ได้เห็นตัวจริงของมันครั้งหนึ่งตอน meeting ซึ่งเป็นสาย Homegrown รุ่นที่เล็กกว่ารุ่น silver lace ตอนที่ได้ยินแรกๆ ผมก็สนใจพอประมาณ แต่ผมเองไม่ได้กระตือรือร้นที่จะฟังมันนัก เพราะผมเองก็ถือว่าผมใช้ Kimber silver streak อยู่แล้ว มันคงไม่ต่างกันเท่าไรมั้ง ถึง คุณ kj จะ บอกว่า มันดีกว่า Kimber silver streak ก็ตาม แต่โดยนิสัยผมเอง ผมไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆนัก ผมจะเพียงแต่รับฟังไว้ และเก็บไว้เป็นข้อมูล ในใจ เพื่อหาโอกาสพิสูจน์ด้วยตนเอง

แล้วโอกาสที่ดีก็มาถึง เมื่ออยู่ๆ คุณ ae ก็เมลล์มาถามผมว่า ผมสนใจจะ audition สายเงินตัวนี้ไหม? แน่นอนครับ สนใจมาก เพราะมันเป็นสายเงินที่มีราคาไม่แพง ถ้าหากมันมีคุณภาพที่ดีจริง จะเป็นสายที่คุ้มค่ามาก คุณอาจจะไม่เคยได้ยิน ชื่อเสียงของมันจากที่ไหน เพราะ Homegrown ขายสายของตัวเองผ่าน website โดยไม่มีการรีวิวลง นิตยสาร และไม่มีการลงโฆษณาใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารไทย หรือ เทศ อีกทั้ง มันก็ไม่ผ่านเงื่อนไขของ Stereophile ด้วยในการที่จะได้ลงรีวิว เพราะ HomeGrown ไม่มี Dealer มากพอ Stereophile ตั้งเงื่อนไขนี้ไว้เพื่อป้องกัน พวกค้าขายแบบตีหัวเข้าบ้าน หรีอ พวกมือสมัครเล่น ที่พร้อมจะหายตัวไปในความมืดเมื่อไร ก็ได้ ซึ่งผลเสียจะตกอยู่กับผู้ใช้อย่างมาก แต่ในกรณีของสายสัญญาน ผมคิดว่า ไม่มีอะไรต้องกลัวว่าจะเสีย ดังนั้น การที่มันไม่มี Dealer นั้น จะกลับเป็นผลดีในแง่ของราคาที่ไม่ต้องตั้งไว้จนแพงเกินไปด้วยซ้ำ

รูปร่างภายนอก
ภาพเป็นสายที่ทำสำเร็จจาก HomeGrown website ไม่ใช่สายจากคุณ kj ที่ผมลองฟัง สาย HomeGrown Silver Lace มีลักษณะเป็นสาย solid ทำจากเงินบริสุทธิ์ 99.99% ในสาย silver lace แต่ละเมตร ต้องใช้สายเงินดังกล่าว ยาวกว่า 60 ฟุต เพื่อประกอบขึ้นมาเป็น HomeGrown Silver Lace เพราะมันต้องใช้สายถึง 8 เส้นด้วยกัน มาตีเกลียวพันเข้าด้วยกัน คล้ายๆ กับโครงสร้างสายของ Kimber รุ่น KCAG ที่จะแตกต่างกันคือ Kimber นั้น มีโครงสร้างเป็นสายฝอยเล็กๆ

แต่ สาย HomeGrown นั้น มีโครงสร้าง เป็นสาย solid แกนเดี่ยว ตัวสายถูกหุ้มด้วย teflon สีขาวขุ่น 4 เส้น อีก 4 เส้น หุ้มด้วย teflon ใส ผมคาดว่าคงทำไว้เพื่อให้แยกสายให้เข้าหัวได้ถูก เท่านั้น ในตัวสายเงินข้างในแล้ว คงมีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ สายที่ส่งมาให้ผมลองฟังนั้น เข้าหัวด้วย WBT RCA ร่นท้อป ซึ่งผมต้องชม ว่า เป็นแจ็ค RCA ที่สวยและเนี๊ยบที่สุด เท่าที่เคยเห็น หัวของ WBT เป็นแบบที่ล๊อคได้ ซึ่งจะแน่นหนามาก เมื่อขันให้แน่นแล้ว แต่ข้อพึงระวังคือ อย่าไปเกี่ยวกระชากมันโดยไมใตั้งใจนะครับ อาจจะเกิดความเสียหายกับสายสัญญานหรือเครื่องของคุณได้

สำหรับ การเข้าหัว คุณ kj ใช้วิธี ตีเกลียวสาย 4 เส้นเข้าด้วยกัน สอดเข้าไปในรู แล้วขันน๊อตลงไปให้มันอยู่กับที่ คุณ kj อ้างว่า วิธีนี้ ให้เสียงที่ดีที่สุด เนื่องจาก เป็นการสัมผัสกัน ของตัวนำโดยตรง ไม่มีตะกั่วบัดกรีมากั้นไว้ ซึ่งจะทำให้คุณภาพเสียงด้อยลงได้ ในประเด็นนี้ ผมจะไม่ได้ลองทดสอบว่า หัวยี่ห้อไหนเสียงดีกว่ากัน และการเข้าหัวแบบไหนดีที่สุด เพราะสายเส้นนี้ไม่ใช่ของผม อีกทั้ง ผมไม่ค่อยจะสนใจในรายละเอียดแบบนี้เท่าไรนัก ผมมักจะทดลองฟังของไปแบบ มายังไง ฟังไปยังงั้นมากกว่า ที่สำคัญที่สุดคือ ผมควรจะลองฟัง และเขียนผลที่ได้จาก สายซึ่งจะมีสภาพเดียวกันกับที่คุณๆจะซื้อไปใช้ มากกว่าที่จะ ไป tweak โน่นนี่ ซึ่งอาจจะทำให้ผลที่ได้เบี่ยงเบนไปได้ อีกทั้งไปๆมาๆ แทนที่จะเป็นบทรีวิวสายสัญญาน มันจะกลายไปเป็นเรื่อง Tweak กันสุดขอบฟ้า ไปโน่น ฮ่าๆ….

การ ประกอบส่วนอื่น ไม่ได้เนี๊ยบมากนัก เพราะคุณ kj ไม่ได้ทำเรื่องนี้เป็นอาชีพ ท่อหดที่ใช้ ไม่ได้มีการสกรีนตรายี่ห้อ หรือ ลูกศรชี้ทิศทางมาให้อย่าง สวยงาม แต่คาดว่าเป็นท่อหดธรรมดาที่หาได้ทั่วไปในท้องตลาด แต่รูปโฉมภายนอกนั้นสำคัญไฉน นี่เป็นสายที่ขายโดย DIYer ที่ถือว่ามีของดีก็เอามา แบ่งๆกันฟัง ราคาที่ทำมาแบ่งขาย ก็ราคาถูกกว่าซื้อโดยตรงจาก website ของ HomeGrown Audio ด้วยซ้ำ เปลือกนอกพวกนี้ ไม่ได้มีผลต่อเสียงแต่ อย่างใดเลย มันอาจจะดูไม่เนี๊ยบ แต่นี่คือของที่ถือว่ามีราคาถูก เมื่อเทียบกับองค์ประกอบที่มันให้มา เพราะสาย Kimber Silver Streak RCA นั้น มีสายที่ทำด้วยเงินมาเพียงเส้นเดียวเท่านั้น (อีก 2 เป็นทองแดง) ในขณะที่ Silver Lace มีมาให้ถึง 8 เส้น และเป็นสายเงินล้วนๆ แต่ขายในราคาพอๆกันกับ Silver Streak ของ Kimber ด้วยปริมาณของสายเงินขนาดของ Silver Lace นี้ ต้องไปเทียบกับราคา ของ Kimber KCAG ซึ่งเขาขายกันเมตรละ $460 ครับ แพงกว่า Silver Lace เป็นเท่าตัว (คุณภาพเสียงไม่ทราบนะครับ เพราะผมยังไม่เคยฟังเปรียบ เทียบ)

Burn-In 200 ชั่วโมงขึ้น
สายที่คุณ ae ส่งมาให้ผมนั้น Burn มาแล้วประมาณ 100 ชั่วโมง ยังไม่ถึงกำหนดที่ว่าต้อง 200 ชั่วโมงขึ้นไป เสียงของสายเส้นนี้ ถึงจะเข้าที่ และเนื่องจาก ผมไม่มีเวลามากนัก เนื่องจากสายก็ยืมคุณ ae มา ต้องรีบฟังรีบคืน ผมจึงตะลุย Burn สายเส้นนี้ต่ออีก 5 วันเต็มๆ เพื่อให้มันไปพ้น 200 ชั่วโมงแน่ๆ ทั้งนี้ เพื่อตัดประเด็นว่า Burn หรือ ยังไปให้หมด เสียงจะดี ไม่ดี จะเอาเรื่องนี้มาอ้างอีกไม่ได้แล้ว การ Burn สาย ผมใช้แผ่น XLO Burn-in CD เปิด Repeat track ซ้ำๆตลอดทั้งวัน วันละ 22 ชั่วโมง ทุกวัน รับรองว่า ก่อนที่ผมจะฟังนั้น สายเส้นนี้โดนนวด จนนิ่มแน่นอน ดังนั้น ประเด็นที่ว่า ระหว่างBurn แ ล้วกับยังไม่ Burn ต่างกันอย่างไร มีผลหรือไม่ ผมไม่มีความเห็นครับ เพราะไม่ได้มีโอกาสที่จะลองฟัง เปรียบเทียบกันแต่อย่างใด

เสียงของ Silver Lace
บุคลิกเสียงของ Silver Lace ที่เด่นที่สุดในความเห็นของผมคือ ความสะอาดของเสียงครับ เป็นเสียงที่ใสสะอาดมาก เวทีเสียงมีความชัดเจน ใส สะอาด มาก ดูเหมือนว่า Background noise จะลดลง และความมืดของเวทีเสียงนั้น มีความมืดยิ่งขึ้น เสียงของชิ้นดนตรีแต่ละชิ้น จึงมีตำแหน่งชัดเจนอยู่ในเวที เสียง รายละเอียดแบบ Low Level Detail ปรากฏเด่นออกมาจนน่าตกใจ เพราะมันเด่นขึ้นมาแบบ ชัดเจนมาก มีรายละเอียดของเสียงเล็กๆน้อยๆ ที่ผม ไม่เคยได้ยินโผล่ขึ้นมาให้ได้ยินในหลายๆแผ่น บุคลิกที่เด่นอันต่อไปคือ ปลายเสียงแหลมที่ไปได้ไกลมาก แต่ไม่มีความแข็งกร้าวเลย เสียงของสายเส้นนี้มีลักษณะที่แปลก คือ ปกติ อุปกรณ์ที่ให้เสียงที่ Bright เจิดจ้า จัดจ้านนั้น มักจะให้รายละเอียดของเสียงมากขึ้นตามไปด้วย และถ้าเราอยากจะให้เสียงที่นุ่มนวลมากขึ้น รายละเอียดของเสียงก็จะด้อย ลงไป เหมือนกับได้อย่าง ก็ต้องเสียไปอย่าง แต่ไม่ใช่สายเส้นนี้ครับ Silver Lace ยังคงให้รายละเอียดของเสียงได้ดีมาก ทั้งๆที่เสียงไม่ได้ Bright หรือ เจิดจ้า เลย ดูเหมือนมันจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรก ที่ผมคิดว่า ไม่ต้องเสียสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปทดแทนอีกสิ่งหนึ่ง แต่เราได้สิ่งที่ดีทั้งสองสิ่งมาพร้อมๆกันเลย

เสียงเบส ดีมาก เต็มไปด้วยรายละเอียด ลงลึก เร็ว และกระชับ เสียงของ Double Bass แยกออกจากเสียงของ Bass Drum ได้ดีขึ้น นี่จะเป็นอีกจุดหนึ่ง ที่ผมจะให้คะแแนน กับสาย Silver Lace มาก เพราะอย่างที่บอกว่า ในห้องของผมนั้น มีปัญหากับเสียงเบสอยู่ ดังนั้น อุปกรณ์ชิ้นใดก็ตามที่ทำให้เสียงเบส ดีขึ้น ก็ชนะใจผมไปกว่าครึ่งแล้วละครับ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าใช้สาย Silver Lace แล้ว ห้องผมจะไม่มีปัญหาในเสียงเบสอีกต่อไป มันยังคงมีอยู่ครับ ในจุดที่เป็นปัญหาของห้องของผม เสียงเบสที่ได้ ก็ยังบูมอยู่นั่นเอง แต่โดยรวมแล้วดีขึ้น และในจุดที่เลวร้ายที่สุด ก็ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้ ไม่ใช่ความผิด ของ Silver Lace ครับ แต่เป็นความผิดของห้องฟังของผมมากกว่า Tonal Balance ของ Silver Lace จะไปในทางที่เป็นกลาง ค่อนไปทางเย็นเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่ามีความเป็นธรรมชาติที่ดี เสียงที่ได้มีความผ่อนคลาย ราบรื่น และเนียนดีมาก Micro Dynamic ดีมากๆ ตำแหน่งจุดของเสียงมีความชัดเจนชนิด Pin point กันทีเดียว Macro Dynamic ก็ดีมากเช่นเดียวกัน Impact เยี่ยม แรงกระแทกกระทั้นของ Bass Drum ใน Track – The Happiest Day of Our Lives (The Wall/Pink Floyd) นั้น ออกมาเต็มๆ ไม่มียั้ง และยังสามารถพิสูจน์ความสามารถด้านนี้ของ Silver Lace ด้วยแผ่นของ James Newton Howards & Friends ได้อีกด้วย

Soundstage มีความกว้างและลึกดีมาก ในเวทีเสียง มีความโปร่งใส การจำแนกแยกแยะช่องไฟระหว่างชิ้นดนตรี ดีมาก การแยกแยะ Layer ดี เช่นเดียวกัน สิ่งที่สาย Silver Lace ให้ได้ดีอีกอย่างคือ บรรยากาศในเวทีเสียง หรือ ที่เราเรียกกันว่ามันให้เสียงที่ Airy ดีมาก ความรู้สึกแยกแยะ ตำแหน่งของชิ้นดนตรีที่ชัดเจน ในขณะเดียวกัน ในช่องว่างนั้น เรายังรู้สึกได้ถึง บรรยากาศที่ล้อมรอบเสียงนั้นๆอยู่ด้วย ไม่แห้งแล้ง ด้านๆแต่อย่างใด Silver Lace ให้เสียงที่มีลักษณะ Laid Back มากกว่าที่จะพุ่งมาข้างหน้า และเมื่อประกอบกับลักษณะของเสียงที่ Relax และไม่หยาบกร้านแล้ว เสียงของ Silver Lace นั้น ให้ความสุขกับการฟังเพลงได้มากเลยครับ

ชมมามากมาย Silver Lace มีจุดอ่อนไหม?
ผมคิดว่ามีนะครับ ในบางแผ่นและบางเพลง ย้ำนะครับ บางแผ่นและบางเพลง เสียงของ Silver Lace ออกจะบางและเย็นไปเล็กน้อย พร่องไปในมวล และ ความหนาของเนื้อเสียงเล็กน้อย ในขณะที่อีกหลายๆแผ่นผมก็รู้สึกว่ามันพอดีแล้ว อันนี้ อาจจะต้องดูการ matching system ด้วย ตัวผมเอง ไม่ได้เล่นเครื่องหลอด ผมจึงไม่ทราบว่าหากนำ Silver Lace ไปใช้กับ system หลอด ผลจะเป็นยังไงบ้าง ผมจะยังคงรู้สึกอย่างนี้อีกไหม อย่างไรก็ตาม น่าแปลก ถึงผมจะรู้สึกว่า เสียงมันจะเย็นและบางไปบ้างเล็กน้อย แต่เสียงไม่แห้งเลย แต่กลับชุ่มฉ่ำมาก และมีความเป็น musical อย่างยิ่ง นี่ก็นับเป็นเรื่องแปลกอีกอย่าง เพราะส่วนใหญ่แล้ว หากเครื่องใดก็ตามที่ผมเห็นว่า มันบางและแห้ง ผมจะบอกว่า มันขาดความเป็น musical ไปด้วย อาจจะเป็นเพราะคุณภาพของเสียงแหลม และเสียงกลางของ Silver Lace ที่มีคุณภาพดีมาก เสียงร้องในหลายๆแผ่น ออกมาดีมาก ฮาร์โมนิคของเสียงดีมาก ไม่ได้ห้วนและสั้นแต่อย่างใด หากแต่เป็นหางเสียงที่ทอดไปยาวไกลอย่างยิ่ง

อีกความรู้สึกหนึ่งของผมต่อ Silver Lace คือ ในบางครั้ง เมื่อฟังกับเพลงบางแนวเช่นเพลง Rock มันอาจจะขาดความรู้สึกถึงความสดของเสียงดนตรี อยู่สักหน่อย แต่กับเพลงอย่าง Jazz หรือ Classic แล้ว ไม่รู้สึกว่ามีข้อกบพร่องอะไรครับ

ดวลกับสายที่มีราคาพอกันอย่าง Kimber Silver Streak
Kimber Silver Streak เป็นสายที่ผมใช้อยู่ในปัจจุบัน มันได้รับคำชมจาก Sam Telig มาก (เขาติว่าเสียงมันอาจจะแพ้ KCAG นิดหน่อย แต่ก็คุ้มค่า คุ้มราคามาก) เมื่อเอามันมากัดกับ Silver Lace แล้ว ผมคิดอย่างไร

Kimber แพ้ราบคาบในทุกกรณีครับ และแพ้อย่างชัดเจนด้วย ทีแรก ผมกะว่า ผมคงต้องใช้เวลาในการฟังพอสมควร กว่าจะตัดสินผลแพ้ชนะได้ แต่เปล่าเลย เพียงแผ่น สองแผ่น ผ่านไป ผมก็รู้แล้วว่า ผมจะยกมือ ให้ใครเป็นผู้ชนะแบบ น้อคเอ้าท์ มันให้ผลแตกต่างกันอย่างชนิด ไม่ต้องเงี่ยหูฟัง ไม่ต้องตั้งใจมากแต่อย่างใด ผลแตกต่างของเสียงจะบอกให้คุณรู้ได้ใน ทันที ผลหรือครับ ผมตัดสินใจ dump Silver Streak ทั้งหมดที่ผมมีทิ้งทันที ทั้งๆที่ผมไม่ได้ตั้งใจมาก่อนเลยว่า จะเปลี่ยนสายสัญญานในช่วงนี้ แต่ความ แตกต่างที่เกิดขึ้น ทำให้ผมกลับไปฟัง Silver Streak อีกไม่ได้จริงๆครับ เมื่อเทียบกันแล้ว Kimber Silver Steak ให้เสียงที่หยาบกร้านกว่าชัดเจน เกรนของเสียงทั้งกลางและแหลม หยาบกว่า เสียงทีได้Bright เจิดจ้ากว่า แต่ในขณะเดียวกัน กลับให้รายละเอียดระดับ low level detail ได้น้อยกว่า ชนิดไม่น่าเป็นไปได้ ตรงนี้ผมงงจริงๆนะเนี่ย ประเด็นนี้ คุณสามารถลองฟังได้จาก เสียงของ แทรมโบลีน ในแทร็คแรกของแผ่นThe Weavers Reunion at Carnagie Hall ดูได้ เสียงของมันฟังดู เป็นธรรมชาติมากกว่าเมื่อฟังผ่าน Silver Lace ในขณะที่ Kimber จะให้เสียงของแทรมโบลีนที่แข็งกระด้างกว่า ไม่เหมือนเสียงของแทรมโบลีนจริงๆ หรือในแทร็คแรกของแผ่น Duke Ellington แต่ก่อนมันมักจะเป็นแทร็คที่ผมข้ามไปบ่อยๆ เพราะผมรู้สึกว่ามันแข็งกระด้าง กับเสียงของบรรดาเพอคัสชัน ทั้งหลายในแทร็คนี้ แต่เมื่อฟังผ่าน Silver Lace แล้ว ผมมีความสุขกับแทร็คนี้มากขึ้นครับ หรือ เสียงปรบมือในแผ่น Belafonte ก็เช่นกัน Kimber ให้เสียง ที่คล้ายเราทอดปลาในกะทะ ในขณะที่ Silver Lace ให้เสียงที่คล้ายเสียงปรบมือมากกว่า เป็นธรรมชาติมากกว่า

เสียงแหลมของ Kimber นั้น ปลายๆหางเสียง จะติดอาการ ซิปๆมากกว่าชัดเจน และมันยังให้เสียงที่พุ่งมาข้างหน้ามากกว่า Silver Lace อีกด้วย นอกจากนี้ ตำแหน่งเสียงต่างๆในเวทีเสียง Kimber ให้เสียงที่ฟุ้งกว่าในขณะที่ Silver Lace ให้ตำแหน่งเสียงที่ชัดเจนกว่า มั่นคงกว่า

เสียงเบสจาก Kimber เบลอร์ บวม กว่า Silver Lace ชัดเจน อีกทั้งเก็บตัวช้ากว่า Silver Lace อีกด้วย รายละเอียดของเสียงเบสที่ได้จากชิ้นดนตรีอย่าง Double Bass นั้น Silver Laceให้รายละเอียดได้ดีกว่า Kimber แต่ Impact , Macro Dynamic ทำมาได้ใกล้เคียงกัน โดยมี Silver Lace เป็นต่อเล็กน้อย ส่วน Micro Dynamic นั้น Silver Lace ดีกว่าชัดเจนครับ

SoundStage เป็นสิ่งที่ Kimber ให้ได้ใกล้เคียงกับ Silver Lace ที่สุด โดยมีขนาดความกว้างเท่ากัน แต่ด้อยกว่า Silver Lace เล็กน้อยในด้านความลึก นอกเหนือจากนี้ Silver Lace ดีกว่าทั้งหมดครับ รวมถึงการแยก layer ด้วย

มาพูดถึงในเวทีเสียง ผมประทับใจมากกับ Silver Lace มันดีกว่าในทุกด้าน ฟังจากแผ่น The Weavers ตำแหน่งเสียงแต่ละเสียงชัดเจนกว่า รายละเอียดของบรรยากาศใน Hall ไม่ว่าจะเป็นแผ่น The Weavers หรือ Belafonte Silver Lace ทำได้ดีกว่าครับ รายละเอียดของเสียงเล็กๆน้อยๆในเวทีเสียง Silver Lace ชัดเจนกว่า Kimber ฟังจากแผ่น James Newton Howard นี่ เรียกว่าคนละเบอร์เลยครับ เสียงของกระพรวนที่เขย่าอยู่เบื้องหลังของเสียง ซินธ์ธิไซเซอร์นั้น ผมไม่เคยสังเกตุมาก่อน เพราะเสียงของ ซินธ์ นั้น จะดังมากจนกลบเสียงกระพรวน แต่ผมกลับมาได้ยินเสียงนี้จากสาย Silver Lace หันกลับไปฟังจากสาย Kimber อีกที เสียงนี้มีอยู่ไหม มีอยู่ครับ แต่ต้องใจฟังมากๆ และหากว่าผมไม่ได้สังเกตุจ้องไปที่จุดนั้น ผมก็จะไม่ได้ยิน เพราะมันโดนเสียงของซินธ์กลบไปหมดครับ

สำหรับตำแหน่งของเสียง ไม่ว่าจะเป็นด้านข้าง หรือ ด้านลึก Silver Lace ให้ตำแหน่งของเสียงที่ชัดเจนกว่า Kimber ครับ ชัดเจนด้วย เสียงที่เด่นไม่กลบเสียงรองๆในเวทีเสียง ลองฟังแทร็ค Matilda ดูสิครับ เวทีเสียงของ Silver Lace โล่ง โปร่ง ใส ดีกว่า Kimber มันเหมือนเราดูภาพที่ใสชัดเจน ไม่มีหมอกมาบัง เราเห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในภาพชัดเจน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่ทำให้ภาพมีแสงสว่างจัดจ้า มาแยงตาเรา นั่นคือสิ่งที่ผมจะเปรียบเทียบ ภาพที่ได้จาก Kimber เทียบกับสายของ HomeGrown Silver Lace ครับ

สรุป
ปกติ ผมมักจะบอกว่า อย่าเชื่อผม ให้ไปลองฟังเอง ยิ่งสายด้วยแล้ว ต้องไปลองใน system ของตนเอง ก่อนตัดสินใจ นั่นเป็นสิ่งที่ผมพร่ำเตือนคนอื่นเสมอ

แต่นี่ เป็นสายที่ดีมาก คนขายก็ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ ผมจะไปบอกให้คุณ kj ทำสาย Demo ไว้ให้ลอง ก็ดูจะไม่มีเหตุผลนัก เพราะคุณ kj ก็ไม่ได้หวังผลกำไรอะไรในการขายสายเช่นนี้ แทบจะเรียกว่า สั่งมาแล้ว ก็เอามาแบ่งๆกันใช้มากกว่า การที่จะให้คุณ kj ต้องมีค่าใช้จ่ายเกินจำเป็น คงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ ให้ผมทำอย่างคุณ kj ผมยังไม่เอาเลย เพราะราคานี้ ต้องมานั่งเข้าหัวให้อีก ฟังทิศทางของสายอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบเลย มันเป็นงานหนักเกินไปสำหรับผม เป็นผม ผมเอาเวลาไปนั่งฟังเพลงดูหนังดีกว่า

ดังนั้น ผมจะทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน และคนที่ชอบเขียนมาถามผมว่าซื้ออะไรดี ก็จะได้คำตอบคราวนี้ละครับ

หากว่า system ของคุณ มีคุณภาพพอสมควร เสียงไม่ Bright แข็งกร้าวด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ราคาโดยรวมของ system สัก 7-80,000 ขึ้นไป
ซื้อสาย Silver Lace เส้นนี้ครับ

หากว่า คุณใช้สาย kimber silver streak อยู่ใน system ของคุณอยู่แล้ว
ซื้อสาย Silver Lace เส้นนี้ครับ

หากว่า คุณกำลังมองหาสาย interconnect สักเส้น ที่มีคุณภาพคุ้มค่าเกินราคาค่าตัวของมัน
ซื้อสาย Silver Lace เส้นนี้ครับ

หากว่า คุณไม่แคร์ ไม่ยึดติดกับยี่ห้อของสาย
ซื้อสาย Silver Lace เส้นนี้ครับ

หากว่า คุณเชื่อหูของคุณเอง ไม่แคร์ว่าจะมีนิตยสารเล่มไหน เขียนถึงมันหรือไม่ (เพราะมันจะไม่มีโฆษณา และคุณ kj ก็จะไม่ลงทุนโฆษณา)
ซื้อสาย Silver Lace เส้นนี้ครับ

หากว่า คุณชอบเสียงที่ใสสะอาด เวทีเสียงกว้างใหญ่ โฟกัสเสียงคมชัด เสียงแหลม-กลางเยี่ยม Dynamic-impact เยี่ยม ฮาร์โมนิคดี และมีความเป็นดนตรีดีมาก รายละเอียดในเวทีเสียงดีมากๆ Micro Dynamic ดีมาก
ซื้อสาย Silver Lace เส้นนี้ครับ

มันเป็นสายที่ดีที่สุดหรือไม่?
ผมตอบไม่ได้ ผมไม่เคยฟังสายอย่าง Transparent, Nordost Valhalla อะไรเทือกนั้น แต่ผมอยากจะเชื่อว่านี่คือสายที่คุ้มค่าเงินที่สุดเส้นหนึ่งเท่าที่มีอยู่ในตลาด ด้วยค่าตัวประมาณ 5,600/m เท่านั้น ถูกกว่า Kimber Silver Streak ที่ขายอยู่ 9,000 บาท แต่คุณภาพดีกว่าด้วยซ้ำ

คุ้มค่าและดีขนาดไหนหรือครับ ?
ก็ดี และ คุ้มค่ามากพอที่จะทำให้ผม เปลี่ยนสายสำคัญๆใน system ของผมทุกเส้นให้เป็นสาย HomeGrown Silver Lace ละครับ

ดังนั้น…..ซื้อสาย Silver Lace เส้นนี้ครับ
แนะนำสุดหัวใจ

(ขอขอบคุณ คุณ boygunner ครับ ที่อนุเคราะห์บทความที่เก็บไว้ชิ้นนี้ เพราะผมพบว่ามันหายไป ตอนที่เราย้ายบอร์ดมาระบบใหม่ และผมเองก็ไม่มี save เก็บไว้เสียด้วยครับ )