Teac X2000M Open Reel Tape Deck

Teac X2000M Open Reel Tape Deck

Open Reel… Open Real ?
ผมได้ทำการฟังทดสอบเปรียบเทียบ source สองแบบคือ ระหว่าง Open Reel Tape กับ แผ่นเสียง และอยากจะรายงานผลให้ฟังดังนี้

อัลบั้มที่ใช้ทดสอบ จะเป็นชุด Janis Ian / Breaking Silence
ระหว่าง แผ่นเสียง ที่ปั้มโดย Analogue Production ซึ่งผมซื้อไว้ตั้งแต่สมัยแรกๆ ไม่ใช่แผ่น Reissue ที่ทำออกมาภายหลัง มันเป็นแผ่นเสียงที่ผมมักใช้ฟังในการทดสอบเครื่องเสียงอยู่เสมอๆ ดังนั้น ในแง่คุณภาพเสียง จึงเป็นที่วางใจได้ว่า มันมีคุณภาพเสียงที่ดีมาก ราคาผมจำไม่ได้แล้วว่า ซื้อมาเท่าไร เพราะนานเหลือเกิน

และ.. อีกฝ่ายคือ เทป Open Reel ที่ทำมาโดย Analogue Production เช่นกัน โดยเป็นเทป Open Reel ความเร็ว 15 ips 1/4 นิ้ว 2 track ราคา 23,500 บาท ต่อม้วน

ถ้าหากคุณถามว่า ทำไม ราคาของ Open Reel ถึงได้สูงขนาดนั้น ?
นั่นเป็นเพราะ นี่คือสื่อ ที่จะทำให้คุณเข้าใกล้ master tape ได้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว ไม่มีสื่อบันทึกอื่นใด ที่จะเข้าใกล้ master tape ได้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเสียง หรือ CD หรือ ไฟล์ เพราะมันเป็นการ Copy Master Tape มา เป็น Generation ที่ 2 แล้วใช้ Gen 2 เป็นตัวแม่ Copy มาเป็น Generation ที่ 3 เทป Open Reel Breaking Silence ชุดนี้ ก็คือ เทป Gen 3 ที่เข้าใกล้กับ Master Tape ที่สุดนั้นเองครับ

ผลการเปรียบเทียบ ?
ผมไม่ชอบเขียนอะไรเยิ่นเย้อมาก ตอบแบบสั้นๆคือ Open Reel เสียงดีกว่า แผ่นเสียงชัดเจนครับ

ดีกว่า อย่างไร ?
ผมอยากจะเริ่มจากเสียงกลางครับ เพราะเป็นสิ่งแรกๆที่ผมจะสังเกตุเสมอ เวลาผมฟังทดสอบอะไรสักอย่าง เสียงกลางที่ได้จาก Open Reel หรือ Reel to Reel (ต่อไป ผมจะเรียกสั้นๆว่า R2R) นั้น ดีมากๆเลยครับ มันเป็นเสียงกลางที่ ใส เปิด ฉ่ำ มันให้เสียงร้องที่ดีมากๆ ฟังแล้วแทบลืมหายใจ… หากเทียบกับแผ่นเสียง แผ่นเสียงจะให้เกรนเสียงที่หยาบกว่าอย่างเห็นได้ชัด
จุดเด่นมากๆอีกอย่างของ R2R คือ ความใสสะอาดใน soundstage

ลองจินตนาการว่า คุณกำลังมองลงไปยังสระน้ำที่ใสสะอาดแห่งหนึ่ง สิ่งที่คุณมองเห็นนั้น มันใส สะอาด มองทะลุลงไปเห็นถึงก้อนกรวดที่ก้นสระ มองทะลุลงไปเห็น ปลาตัวเล็กๆที่ว่ายอยู่ในสระน้ำแห่งนั้น ทุกอย่างมันเคลียร์ไปหมด นั่นคือ เสียงของ R2R ครับ ปกติคุณอาจจะไม่เข้าใจถึงสิ่งนี้ แต่หากคุณมีโอกาสฟังทดสอบแบบ A/B test คุณจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมพูดถึงนี้
และ ด้วยความใสสะอาดใน เวทีเสียง อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ R2R เด่นมากคือ ความเป็น 3 มิติ ใน soundstage ตำแหน่ง ในทุกด้าน และ ทุกชิ้น ชัดเจน ชัดแจ้ง และ มั่นคง มันสามารถชี้จุดได้เป็น Pin point ได้ clear มากๆ ว่าตำแหน่งของเสียงแต่ละเสียง ลอยอยู่ตรงจุดไหน

อีกสิ่งหนึ่งคือ มัน airy มาก บรรยากาศในเวทีเสียงดีมาก harmonic ของเสียงดีมาก สังเกตุได้จากเสียงของกีตาร์ อคูสติค หรือ เปียโน จะทำให้คุณรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า R2R ทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีมากๆ
รายละเอียดในเสียงเบส Micro Dynamic การแยกแยะเสียงระหว่าง Bass Drum กับ Bass Guitar R2R ล้วนทำได้ดีกว่า แผ่นเสียงด้วย

และจากจุดเด่นทั้งหมดของมัน… นั่นจึงทำให้ R2R musical กว่า

คำว่า Musical กว่า เป็นเรื่องของความรู้สึกที่คุณดื่มด่ำไปกับเสียงเพลง ความรู้สึกของคุณถูกครอบครอง และ ชักจูง ไปตามอารมณ์เพลงได้ดีกว่า และ มากกว่า มันเป็นเรื่องที่จะบอกกันเป็นตัวอักษรได้ยาก เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ คุณจะต้องลองหาโอกาสนั่งลงฟัง เปรียบเทียบ A/B test แล้ว คุณจะเข้าใจว่า ผมหมายถึงอะไร

มีอะไรบ้างไหม ที่แผ่นเสียง ดีกว่า ?
ผมคิดว่า Impact และ macro dynamic ครับ ผมคิดว่า แผ่นเสียงทำได้ดีกว่า R2R
แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่แน่ใจว่า หากผมใช้ Reel Tape Deck ที่ดีกว่า Teac ความเห็นในประเด็นนี้ของผมจะเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่เอาเป็นว่า ด้วยเงื่อนไขในปัจจุบัน ผมคิดว่า Impact ของแผ่นเสียง ดีกว่า R2R ครับ

แล้วคุณควรจะเล่น R2R หรือไม่ ?
นี่ไม่ใช่ บทวิจารณ์ที่เขียนขึ้นมาเชียร์ให้คุณ วิ่งไปซื้อ R2R ดังนั้น ผมจะบอกถึงความเห็นส่วนตัวของผม ในข้อจำกัด และ ข้อสังเกตุที่คุณต้องคิดให้ดี ก่อนจะลงทุนใน R2R
– ราคามันสูง (ไม่ได้หมายถึงแพงนะครับ ราคาสูง กับ ราคาแพง นั้น ไม่เหมือนกัน) เทปชุดละ 23500 หากคุณซื้อมาฟัง 4 ชุด ก็เกือบหนึ่งแสนบาทแล้วครับ เทียบกับแผ่นเสียง ราคาแผ่นหนึ่งก็ประมาณ พัน – สองพัน บาท ราคาจึงต่างกันมาก
– การเก็บรักษา ยากกว่าแผ่นเสียง และ เสียหายได้ง่ายกว่า แผ่นเสียง ดังนั้น คุณจึงต้องระวังเรื่อง อุณหภูมิ เรื่องของความชื้น เชื้อรา และสิ่งอื่นๆที่เป็นอันตรายต่อเนื้อเทป เช่น ปลวก แม่เหล็ก เป็นต้น
– เครื่องเล่น หาซื้อได้ยาก อยู่ในตลาดผู้ขายน้อยราย คุณภาพของเครื่อง และ การให้บริการ อาจจะไม่ดี และ คุณอาจไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่
– เครื่องเล่น มักจะเป็นเครื่องมือสอง ที่ทำการซ่อมแซมปรับปรุงใหม่ ดังนั้น ในแง่คุณภาพ จึงต้องเสี่ยงดวงกันเอาเอง ว่า เครื่องที่ได้จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ? (แต่ Revox กำลังจะผลิตเครื่องใหม่ออกมาขาย และ มียี่ห้ออื่นๆเช่น Nagra ก็มีเครื่องใหม่ๆขายอยู่)
– มันไม่ใช่สื่อ สำหรับ มือใหม่ ครับ R2R เหมาะสำหรับ นักเล่นที่มีประสบการณ์การฟังมามากๆแล้ว และ System ที่จะใช้กับมัน ควรจะต้องเป็น System ที่มีคุณภาพในระดับสูง ไม่ใช่ระดับต้น และ ระดับกลางๆ แต่จะต้องเป็นอยู่ในระดับดีมากอยู่แล้ว จึงค่อยพิจารณาที่จะเล่น R2R
– มันไม่ใช่สื่อที่จะเอาไว้เลือกฟังเป็นเพลงๆ ถึงจะทำได้ แต่ผมคิดว่า ควรจะหลีกเลี่ยง ที่จะกรอเทป ไปๆมาๆ ควรจะเป็นฟังไปเรื่อยๆ จนจบม้วนมากกว่าครับ หากคุณต้องการความสะดวก น่าจะไปพิจารณาเล่นสื่อประเภทอื่นๆแทน

แต่.. หากคุณเป็นนักเล่น ที่เงินไม่ใช่ปัญหา
System ของคุณ มีคุณภาพในระดับที่สูงมากพอ
คุณพร้อมที่จะฝ่าฝัน อุปสรรคต่างๆจากการเล่น R2R
ถ้าเช่นนั้น… ผมก็แนะนำครับ
เพราะผมคิดว่า Open Reel นี่ละครับ.. ที่ Open Real Sound.

——

ผมยอมรับว่า เสียงของ Reel นั้นดีกว่าแผ่นเสียง ผมเองไม่แน่ใจว่า หากผมใช้เครื่องที่ดีขึ้นอย่าง Studer เสียงมันจะดีขึ้นอีกสักเท่าไร ?
แต่… สิ่งที่ผมกังวลใจเกี่ยวกับมันคือ….
1. เรื่องการ ดูแล บำรุงรักษา ซ่อมแซม เครื่องเล่นเทป
2. และ… อันนี้เรื่องใหญ่กว่า การดูแล เก็บรักษา ม้วนเทป ผมจะทำอย่างไร ? ในเมื่อผมไม่มีห้องแอร์ ทีควบคุมอุณหภูมิ และ ความชื้น อยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ?

สิ่งที่ทำให้กังวลคือ วันหนึ่งผมจะพบว่า เทปที่ซื้อมาในราคาแสนแพงนั้น เสียหายจนใช้งานต่อไม่ได้ เพราะราขึ้น หรือ เนื้อเทปหมดสภาพ เนื่องมาจากการเก็บรักษาไม่ถูกต้อง มันไม่เหมือนแผ่นเสียงที่เก็บรักษาง่ายกว่ามาก ต่อให้ราขึ้น ก็เอาไปล้าง แป๊ปเดียวก็ใหม่เอี่ยมอ่อง.. แต่เทปราขึ้นนี่ พังเลยนะครับ

มันทำให้ผม ไม่กล้าทุ่มงบประมาณลงไปอย่างเต็มที่ ทั้ง Hardware และ Software เพราะผมกังวลอยู่ลึกๆว่า ผมจะเล่นมันได้ตลอดรอดฝั่งไหมเนี่ย ?
(แต่ผมก็กำลังจะซื้อ เทป มาเพิ่ม อีก 4 ม้วน แล้วครับ ฮ่าๆ)

Specifications
Track system: 2/4-track, 2-channel, stereo/monaural system

Heads: 1 x record, 1 x 2T playback, 1 x 4T playback, 1 x erase

Motor: 1 x capstan, 2 x reel

Reel size: 7 or 10 inch reel

Tape speeds: 7 1⁄2 15 ips

Wow and flutter: 0.04% (15 ips)

Signal to Noise Ratio: 56dB

Total harmonic distortion: 0.8%

Input: 195mV (line), 0.775mV (mic)

Output: 436V (line)

Dimensions: 516 x 472 x 268mm

Weight: 21kg