Nordost Blue Heaven
Nordost Blue Heaven Bi-wired Speaker Cable
ราคาป้าย 21,500 บาท ความยาว 2 เมตร
โดย พจน์ อุดมลาภสกุล
ผมคือผู้ไม่ศรัทธา
ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเชื่อะไรง่ายๆนัก สายสัญญาน และ สายลำโพงก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ยอมเชื่อถือ เมื่อ สมัยสิบปีก่อนนั้น เมื่อผมได้อ่านบทความเกี่ยวกับสาย สัญญาน หรือ สายลำโพง ผมมีความรู้สึกว่า กะอีแค่สายเนี่ย อ่ะน่ะ อะไรมันจะเปลี่ยนแปลง คุณภาพเสียงได้ขนาดนั้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมได้ทดลองด้วยตนเอง ผมก็ต้องยอมรับว่าสายสัญญานทุกเส้น ใน system มีผลต่อเสียงโดยรวมจริงๆ อย่างไรก็ตาม มันเป็นอุปกรณ์ที่ผมแทบจะไม่ได้มี โอกาสได้ลองมันเลย เหตุผลก็เพราะ ผมไม่สามารถยืมสายจากร้านค้าได้ และเมื่อเขาไม่ยอมให้ ผมยืมมาทดลองที่บ้าน ผมก็มีหลักตัดสินใจง่ายๆว่า ไม่ให้ลอง ก็ไม่ซื้อ เพราะผมเชื่อว่า การที่ จะรู้ว่า สายเส้นใด จะดีเลวเช่นไร ผมจะต้องมีโอกาสได้ลองในชุดเครื่องเสียงของผมเท่านั้น ผม ถึงจะรู้ว่า สายเส้นนั้น มีราคาคุ้มค่าเงินหรือไม่
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมผมจึงมีประสบการณ์เกี่ยวกับสายน้อยมาก มาคราวนี้ ปะเหมาะ เคราะห์ดี ทางร้านเดโคยินยอมให้ผมเอาสายมาทดลองก่อนซื้อได้ เอามาลองก่อน ถ้าชอบค่อย ซื้อไป เป็นหลักการขายที่หาได้ยากยิ่งในตลาดเครื่องเสียงเมืองไทย อันที่จริง เราเคยคุยกัน เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะๆที่จะทดลองหาสายที่มีคุณภาพดีขึ้นเสียที จน กระทั่งในระยะนี้เอง เพราะผมต้องรอเปลี่ยนเครื่องชิ้นสำคัญๆก่อน และที่สำคัญต้องรอให้มี ตังค์พอที่จะซื้อมันด้วย
คุณวินัย ร้านเดโค เคยถามผมว่าผมรู้สึกยังไงกับสาย Nordost รู้สึกผมจะตอบไปว่า ผมคิดถึงสายอากาศวิทยุที่แถมมากับพวกมินิคอมโปอะไรเทือกนั้น สำหรับผม นี่เป็นสายที่ผม รู้สึกพิลึกๆตั้งแต่ที่ได้เห็นมันในหน้านิตยสาร หน้าตาโครงสร้างของมันแตกต่างไปจากสายยี่ห้อ อื่นๆในท้องตลาดโดยสิ้นเชิง เป็นสายแบนๆเหมือนสายต่อในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีชีลด์หุ้ม นั่นเป็นสิ่งที่ผมถามตัวเองในใจก่อนเลยว่า มันจะทำตัวเป็นสายอากาศรับคลื่นวิทยุในอากาศ ให้ เข้ามากวนในระบบเสียงของ system หรือไม่
ผมจะไม่มาพร่ำพรรณาถึงเทคโนโลยี่ คอนเส็พท์ของสาย หรือ อ้างตัวเลขเรื่องวัสดุที่ ใช้ในการผลิต เรื่องประเภทอย่างนั้น คุณไปหาอ่านจากที่อื่นได้ และผมขอสารภาพว่าผม ขี้เกียจพิมพ์ มาเข้าจุดกันเลยดีกว่า
สายลำโพงเส้นนี้ ดี หรือ ไม่ดี
ตอบ – ดีครับ ดีกว่า Kimber 8TC Double run + 4TC ชัดเจน
จบข่าว ไปล่ะ
ล้อเล่น….. ขืนวิจารณ์แค่นี้ ก็โดนด่าสิครับ อุตส่าห์ให้ความเมตตา เสียค่า online คลิ๊กเข้ามาดูกันแล้ว ก็ต้องพยายามตั้งใจเล่าหน่อย อิ อิ…..
ผมเผามันซะ 70 ชั่วโมงก่อนที่จะตั้งใจฟังมันอย่างซีเรียส ซึ่งผมจะต้องรีบทำ เพราะ เกรงใจ Deco หากผมไม่ชอบมัน ผมต้องรีบตัดสินใจ จะต้องรีบคืน จะเอามาแช่นานไม่ได้ น่าเกลียด… ผมจึงใช้แผ่น XLO Burn-in CD เผามันตลอดทั้งวัน สาม-สี่วันติดๆกัน เพื่อให้สายเข้าที่เร็วที่สุด ผมไม่มีเวลามาฟังว่า สายที่ยังไม่ Break-in กับ Break-in แล้ว เสียงต่างไปเช่นไร ต้องขออภัยที่ประเด็นนี้ ผมจะไม่มีความเห็น
สาย Blue Heaven เส้นที่เอามาลองนี้ เป็นสาย Bi-wired มีหัวต่อเป็นหางปลา หรือ Spade-lug แบบเข้า 4 ออก 4 การฟังทดสอบ ผมใช้ทั้งการฟังเฉพาะสาย Nordost และทำการ A/B/A test เปรียบเทียบกับสาย Kimber กันเป็นแผ่นๆไปเลย ทั้งนี้เพื่อ ความมั่นใจว่าผมชอบเสียงของมันจริงๆ ไม่ใช่หลอกตัวเอง หรือ เสียงเปลี่ยนไปจึงคิดว่าดี ทั้งๆที่จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้ชอบก็ได้
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมชอบสายเส้นนี้? ประการแรก คุณภาพของเสียงกลางและแหลม ครับ ดีกว่า Kimber 8TC+4TC ชัดเจน เมื่อฟังเปรียบเทียบกันแบบช๊อตต่อช๊อตแล้ว เสียงกลางแหลมของ Kimber มีลักษณะ พุ่ง , Bright , Grain ของเสียงมีเนื้อหยาบ กว่าในทุกกรณี Kimber ให้ลักษณะเสียงแบบ Metallic มากกว่า Nordost เสียงของ Nordost จะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย laid back มากกว่า ชัดเจน และถึงแม้ มันจะให้เสียง ในลักษณะ laid back แต่มันไม่ได้สูญเสียรายละเอียดของเสียงไปเลย มันยังคงให้ Focus และรายละเอียดของเสียงได้ดีอย่างน่าทึ่ง
จริงอยู่ ในด้าน Focus และ Low level detail ของ Kimber ก็อยู่ในขั้นที่ เรียกว่าดี แต่สายสองยี่ห้อนี้ให้ความรู้สึกในคุณสมบัติด้านนี้แตกต่างกัน สำหรับ Kimber มันให้ตำแหน่งของเสียงสว่างวาบขึ้นมาเป็นจุดๆ เสียงจะพุ่งขึ้นหน้ามานิดหน่อย เสียงจะ กร้าวขึ้น ผมอยากจะบอกว่า มันให้ลักษณะของเสียงที่ขึ้นขอบมากกว่า Nordost ชัดเจน นั่นเป็นจุดแรกที่ Kimber สู้ Nordost ไม่ได้ Nordost จะสามารถให้รายละเอียดของ เสียงได้ โดยไม่เน้นเสียงใดเสียงหนึ่ง Focus ของเสียงจะชัดเจนโดยไม่ก้าวล้ำเสียงอื่นขึ้นมา มันยังคงอยู่ในระนาบเดียวกัน แต่คุณก็เห็นตำแหน่งของมันได้อย่างมั่นคง ไม่วูบวาบ แต่อย่างไร
การที่มันมีคุณภาพเสียงกลางแหลมดีขึ้น มันทำให้ผมสามารถเปิดเสียงให้ดังขึ้นได้อีก จากปกติ มันเหมือนกับว่า เราสามารถเร่งมันให้ดังขึ้น โดยไม่เกิดความรู้สึกล้าหู หรือรู้สึกว่า เสียงของมันดังเกินไปแล้ว เมื่อฟังไปนานๆ ผมคิดว่า Nordost ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติได้ดี กว่า Kimber Nordost ให้เสียงที่นุ่มนวลมากกว่า สำหรับ Tonal Balance ของสาย Nordost นั้น อยู่ในขั้นที่ดี มันไม่ใช่สายที่ มืด , บวม , ช้า หรืออะไรทำนองนั้น
และนั่นจะมาถึงประเด็นที่มีนักวิจารณ์หลายคนรวมทั้ง การโฆษณาของ Nordost เอง บอกว่า นี่คือสายที่มีบุคลิกเสียงที่เร็ว โคตรเร็ว อะไรทำนองนั้น ผมฟังแล้ว ผมมีความเห็นเช่นไร
ถ้าพูดถึงเฉพาะ speed ของ จังหวะดนตรี ผมเฉยๆนะ ผมว่ามันไม่ได้เร็วขึ้น ผมไม่ รู้สึกว่านักดนตรีกำลังต้องรีบเล่น เพราะต้องวิ่งไปเล่นต่อที่ผับอื่น อาจจะเป็นเพราะบุคลิกของ system ของผมก็ไม่ได้เป็นลักษณะ mellow นุ่มนวลโรแมนติคอยู่แล้ว ผมจึงไม่รู้สึกว่ามัน เปลี่ยนไปมากนักในส่วนนี้
แต่ถ้าพูดถึง speed ของเสียงละก็ เห็นจะต้องบอกว่าใช่ มันให้ลักษณะเสียงที่เร็วจริงๆ การเก็บตัวของเสียงจะเร็วขึ้น ที่ชัดเจนที่สุดคือเสียงเบส เก็บตัวเร็วขึ้นจริงๆ(อันนี้คงเป็นส่วน ผสมทั้งทางด้านความเร็วของเสียง และคุณภาพของเสียงเบสของสายเส้นนี้ผสมกัน) ก็อย่าง ที่เคยเล่าให้ฟังว่า ห้องฟังของผมตอนนี้มีปัญหาเบสบูมอยู่ เสียงเบสในบางเพลงจึง คราง บวม อืด และมันทำความรำคาญใจให้แก่ผมเสมอมา การเปลี่ยนมาเป็นสาย Blue Heaven ช่วย ผมในเรื่องนี้ได้จริงๆ ยกตัวอย่างจาก Track แรก ของแผ่น Secret Island ผมสามารถ ได้ยินโน้ตเบสที่สะอาดขึ้น อาการครางลดน้อยลง ถึงจะยังไม่หมดไปแต่ก็ดีขึ้น ในด้านเสียง แหลมก็เช่นกัน การเกิดขึ้น แล้วก็หยุดของเสียง จะเป็นไปอย่างรวดเร็วชัดเจน ในขณะที่ Ambient ของเสียงกลับสามารถอยู่ในขั้นที่ดีมาก การที่มันมีบุคลิกเสียงเร็วนั้น ไม่ได้หมาย ความว่า สายเส้นนี้จะให้เสียงที่ แห้งไปด้วย เสียงร้องของนักร้องหลายๆคน ยังคงมีความฉ่ำ ในน้ำเสียงที่ดี มิหนำซ้ำ ผมคิดว่ามันให้บรรยากาศของเสียง หางเสียงของชิ้นดนตรีบาง ชิ้นได้ดีมาก หางเสียงของการเคาะฉาบ ที่ตามมาจากการเคาะครั้งแรก จะได้ยินและรับรู้ ได้ง่ายขึ้น
ในด้านของ Soundstage ถ้าพูดถึงในด้านกว้าง ผมคิดว่าพอๆกับ Kimber แต่ถ้า พูดถึงในด้านลึกแล้ว Nordost ดีกว่าครับ โดยเฉพาะด้านข้าง ของเวทีเสียงขยายลึกเข้าไป ได้อีกพอสมควร แต่สิ่งที่ดีกว่านั้นอีก คือ ความโปร่งใสในเวทีเสียงที่ดีขึ้น อันที่จริงใน ประเด็นนี้ ผมไม่แน่ใจว่า เกิดจากอะไรกันแน่ อาจจะเกิดจาก เสียงเบสที่ดีขึ้น จึงมากวน เวทีเสียงน้อยลง หรือ อาจจะเกิดจากคุณสมบัติด้านนี้ของตัวสายเองก็ได้ ผมรู้สึกว่ามัน โปร่งขึ้น ใสขึ้น สะอาดขึ้น เหมือนกับเรามองภาพของวงผ่านแก้วเนื้อคริสตัน ที่ใสสะอาด กว่ากระจกธรรมดา ซึ่งอันนี้ ผมรู้สึกได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยวิชาธรรมกายเข้าช่วย แต่อย่างใด
สำหรับเรื่องการรบกวนจากคลื่น RF นั้น ถึงแม้สาย Blue Heaven เส้นนี้จะไม่มี ชีลด์ใดๆ แต่ผมไม่พบปัญหาอะไรเกี่ยวกับสัญญานรบกวน หรือการทำตัวเป็นเครื่องขยาย สัญญานรบกวนของคลื่น RF ในห้องฟังของผมแต่อย่างใด
บางทีผมก็เคยคิดว่า การเล่นเครื่องเสียงจะไปสิ้นสุดที่ไหน ดูเหมือนว่า เรายังสามารถ จะหาอุปกรณ์ที่สามารถปรับปรุงคุณภาพเสียงของ system ไปได้เสมอ เมื่อก่อน ตอนที่ ผมฟังสาย Kimber 8TC+4TC อยู่ ผมก็คิดว่ามันดีอยู่แล้ว แต่พอมีโอกาสได้เปรียบ เทียบจริงๆ ผมก็พบว่า ที่ดีกว่านี้ ก็ยังมีอีก บางท่านอาจจะบอกว่าการเปรียบเทียบกับ Kimber 8TC+4TC นั้นไม่ยุติธรรม เพราะ 8TC และ 4TC ราคาถูกกว่า Blue Heaven ก็จริงครับ ถ้าเราคิดแยกเป็น 8TC และ 4TC โดดๆ
แต่ถ้าคุณกำหนดให้เป็น Bi-wired โดย ใช้ 4TC สำหรับ Mid+High และ 8TC Double Run สำหรับทุ้ม ราคาโดยรวมของทั้งชุดนี้จะมีราคาใกล้เคียงกับ Nordost Blue Heaven ทันที อาจจะต่ำกว่านิดหน่อย แต่ถ้าหากคำนึงถึงคุณภาพของเสียงแล้ว ในความเห็นของผม ผมคิดว่า Nordost ให้คุณภาพโดยรวมดีกว่า Kimber ครับ และให้ผล ตอบแทนต่อการลงทุน คุ้มค่ากว่าเล่น Kimber ตามสเปค Double Run แน่นอน
(การต่อสายแบบ Double Run ของ Kimber หมายถึง สายเส้นหนึ่งปกติเรา จะแยกสายแต่ละเส้นออกเป็นขั้วบวก-ลบ แต่การต่อแบบ Double Run นั้น เราจะรวบมัน ออกมาเป็นขั้วเดียวเลย ดังนั้น งบประมาณจะสูงขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวทันที สำหรับผลของมัน Kimber แจ้งว่า จะช่วยปรับปรุงเสียงเบสได้เป็นอย่างมาก)
สิ่งที่ Nordost ดีกว่า Kimber คือ เสียงกลาง, แหลม, บรรยากาศ, Soundstage, Transparent, Focus สำหรับเสียงเบสนั้น Nordost ให้ผลดีกว่า Kimber ในห้อง ของผม แต่ผมไม่อยากจะสรุปว่า Nordost ดีกว่า Kimber ในจุดนี้ เนื่องจากห้องฟังของ ผมนั้น ไม่สมบูรณ์พอ มันมีปัญหาเบสบูมอยู่ อาจจะเป็นเพราะ Nordost มัน Match กับ ห้องฟังของผมมากกว่า Kimber ก็ได้ ผมจึงไม่อยากบอกว่า Nordost ดีกว่า Kimber ในด้านของเสียงเบส เพราะผมคิดว่า Impact และ Dynamic Transient ของ Kimber ก็อยู่ในขั้นดีมากเช่นกัน
จุดอ่อนของ Nordost คืออะไร มีน้อยมาก ผมคิดว่า เสียงของมันจะออกบางนิดหน่อย เสียงอาจจะไม่ออกแบบมีเนื้ออิ่มๆ แบบที่บางคนอาจจะชอบ ซึ่งผมคิดว่ามันจะขึ้นกับรสนิยมของ ผู้ฟังมากกว่า อย่างไรก็ตาม คุณวินัยบอกให้ผมลองเซ็ทลำโพงดูอีกครั้ง เพื่อหาจุดที่ system อาจจะให้เสียงได้ดีขึ้นอีก ซึ่งผมจะเอาไว้ทำทีหลัง อย่างไรก็ตาม โดยรสนิยมส่วนตัวของผมแล้ว ผมชอบและไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้มากนัก เพราะผมฟังเพลง ร้อค และ แจ๊ส เป็นหลัก บางทีผม อาจจะไม่ได้มุ่งหาเสียงไวโอลินที่มีเนื้อมีหนัง อะไรทำนองนั้น ที่ผมชอบมากคือ เสียงของ Nordost นั้นสะอาด ใส มันทำให้ผมฟังแผ่น The Wall อย่างมีความสุขมากขึ้น
ข้อเสียอีกประการหนึ่งของ Nordost จะเป็นผลต่อเนื่องมาจาก คุณภาพเสียงที่ดี ของมัน คือ เนียน สะอาด ละเอียด นุ่ม ขาว….. อ้าว… เผลอ แหะๆ…(สาบาน.. ผมกำลัง พูดถึงบุคลิกเสียงของสายลำโพง ไม่ได้พูดถึงผิวของหญิงสาวคนไหน)
แล้วมีผลเสียอย่างไร? มีสิครับ สำหรับผม เพราะพอเอาไปเปิดเพลงแบบเฮฟวี่แล้ว ผมพบว่า มันทำให้วงเฮฟวี่ โหดๆนั้น Soft ลงบ้าง เพลงเฮฟวี่ มันต้องหนัก โหด ดิบ ก้าวร้าว แต่ system ชุดนี้ กลับทำให้วงเฮฟวี่ เจี๋ยมเจี้ยม เรียบร้อยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ถ้าสมัยเป็นชุด NHT VT2 + Kimber ละก็ จะฟังเพลงเฮฟวี่ได้มันส์มาก เพราะบุคลิกเสียงของมัน เข้ากั๊น เข้ากัน กับเพลงแนวนี้ แต่ก็อย่างว่าครับ ได้อย่างเสียอย่าง การที่มันให้เสียงได้ละเอียด มากขึ้น มันก็จะโชว์ความด้อยของการการบันทึกเสียงของวงเฮฟวี่ทั้งหลายออกมาด้วย ซึ่ง ต้องทำใจ ผมเองก็แก่ลง ฟังเพลงแจ๊สมากขึ้น จะมาเฮฟวี่จนถึงอายุ 50 ก็คงดูยังไงๆอยู่
อย่างไรก็ตาม หากผมเปิดเพลงร๊อคที่บันทึกเสียงมาได้ดีจริงๆ เช่น Pink Floyd’s The wall (digital remastered) , Nirvana : Nevermind (24k gold CD mobile fidelity) สาย Nordost ก็จะสามารถโชว์ออกมาได้ว่า ถึงเป็นเพลงร้อค ก็ บ่ ยั่นจ๊า ฟังมันส์จริงๆ เพราะเบสลงลึกและสะอาดมาก เสียงทุบกำแพง จากซ้าย ยัน ขวาสุด ใน แทร็ค Another Brick in the Wall (part 3) เยี่ยม! ดังนั้นอันที่จริง system นี้ก็เปิดเพลงร๊อคได้ดี เพียงแต่มันเลือก software ที่จะมาเล่นอยู่สักหน่อยเท่านั้น แต่เวลาฟัง ในชีวิตประจำวัน ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนักหนา จุดด้อยตรงนี้ จึงไม่ได้รบกวนใจอะไรผม มากนักครับ แต่…เอ… อันที่จริงตรงนี้จะเรียกว่าเป็นจุดด้อยก็คงไม่ถูกนัก เรียกว่าเป็นจุดที่ผม ไม่ชอบนักเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า
จุดด้อยอีกประการหนึ่งในความเห็นของผม จะเป็นเรื่องลักษณะโครงสร้างของสายเส้นนี้ เนื่องจากมันเป็นสายที่แบน ไม่มีชีลด์ ดังนั้น ผมว่า ถ้าหากคุณซื้อมันมาใช้ คุณจะต้องระวังอย่า ไปเดินเหยียบ หรือให้อะไรมาทับ หรือลากอะไรผ่านไปบนสายเส้นนี้ เพราะมันคงจะเป็นรอยพับ หัก งอ ได้โดยง่าย ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น จะมีผลต่อคุณภาพเสียงของมัน หรือไม่ แต่ผมว่า อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ กันไว้ดีกว่าแก้ ถนอมๆมันหน่อย มันจะได้อยู่รับใช้คุณ ไปนานๆไงครับ
หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับ Nordost เส้นนี้มาระยะหนึ่ง ฟังเพลงตั้งแต่เฮฟวี่ ยัน คลาสสิค ตั้งแต่เพลงบรรเลงวงใหญ่ จนถึงวง Duo ตั้งแต่นักร้องชายอย่าง Belafonte ไปถึงหญิงสาว อย่าง Diana krall ถ้าคุณจะตั้งคำถามผมว่า
Are you in (Blue) Heaven?
The answer is absolutely YES!
สรุป
สรุปว่าไง
สรุปว่าเสียตังค์ครับ