ASC Tube Trap

tubetrapP1030542_l

16 inches Full Round $498 ต่อชิ้น

16 inches Super Full Round $589 ต่อชิ้น

หมู่นี้ไม่รู้ดวงผมเป็นยังไง ซื้ออะไรที่เกี่ยวกับเครื่องเสียงจะต้องมีอะไรขลุกขลักๆเสมอ คราว ProAc 3.8 ก็ทีหนึ่ง ซ้ำนิตยสาร Stereophile และ Stereophile guide to home-theater ในช่วงหลังๆที่ย้ายไปเข้ากับ Petersen ก็มีปัญหาการจัดส่งมาก ผมมักจะได้รับมาแบบตกๆหล่นๆเสมอ ไม่รู้เป็นอะไรของมัน

     เที่ยวนี้ซื้อ ASC Tube Trap ก็เอาอีกแล้วครับ อย่างที่บอกไว้ ห้องผมตอนนี้มีปัญหาเรื่องเบสบูมที่ความถี่ ประมาณ 60 Hz หลังจากที่ศึกษาดูแล้ว เห็นว่ามีวีธีเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปญหานี้ได้โดยไม่ยุ่งยากเกินไปนัก ก็คือ ซื้อ ASC Tube Trap มาทดลองใช้ดู

     ผมจึงเริ่มศึกษาข้อมูลของมันจาก website ของ ASC เพื่อดูว่า มันมีสเปคอย่างไร และราคาประมาณเท่าไร ดูไปดูมาก็ตัดสินใจซื้อรุ่น 16 นิ้ว Full Round Super ซึ่งรุ่นดังกล่าวจะมีสเปคต่างจากรุ่น 16 นิ้วธรรมดา ตรงช่วงความถี่เสียงต่ำๆ แน่นอนราคาแพงกว่าด้วย แต่ผมคิดว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เพิ่มอีกนิดหน่อย ช่างมันเถอะ ดีกว่าซื้อ
รุ่น 16 นิ้วธรรมดา แล้วมาพบว่ามันอาจจะได้ผลน้อยกว่ารุ่น 16 นิ้วsuper ผมจึงตัดสินใจสั่งซื้อ ASC Tube Trap 16 นิ้ว Super full round หนึ่งคู่จาก Audio Excellence โดยตกลงราคาไว้ล่วงหน้า สัญญาว่าจะโอนเงินไปให้ เมื่อของมาถึงเมืองไทย

     รออยู่ประมาณ เดือนครึ่ง-สองเดือน ของก็มาถึง ผมจัดการโอนเงินไปให้ แล้วก็นั่งรอ Tube Trap ที่หาดใหญ่ ของมาถึงภายในไม่กี่วัน ผมก็จัดการแกะออกมาตรวจสภาพดู ก็เรียบร้อยทุกอย่าง ยกเว้น….. มันผิดรุ่นครับ ฮ่า…ๆ…. ไม่รู้ดวงผมมันเป็นยังไงของมัน ระยะนี้ถึงได้ต้องขัดอก ขัดใจไปเสียหมด ของที่ส่งมาเป็นรุ่น 16 นิ้ว ธรรมดาครับ ไม่ใช่รุ่น super

     ผมจึงรีบโทรติดต่อคุณบุญส่งเพื่อแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางคุณบุญส่งขอเวลาเช็คเรื่องอยู่พักหนึ่ง ก็ตอบกลับมาว่า เป็นความผิดของทางฝ่ายสั่งซื้อของบริษัทที่ระบุไปผิดรุ่นเอง คุณบุญส่งบอกว่า ยินดีจะลดราคาให้ตามส่วน ถ้าหากผมจะรับ Tube trap คู่ดังกล่าวไว้ใช้ โดยบอกผมว่า เจ้าหน้าที่ของบริษัท เคยทดลองดูแล้ว มันให้ผลเหมือนกันทั้งสองรุ่น แต่ผมปฎิเสธเนื่องจาก การซื้อที่เมืองไทย ไม่มีหลักประกัน 30 วันประกันคืนเงินเต็มจำนวนเหมือนที่เมืองไอ้กัน ซื้อผิดก็ผิดไปเลย ผมไม่อยากพลาด ผมอยากเสี่ยงไปให้ถึงที่สุด ถ้าพลาดก็ให้ถือว่าเราได้ลองไปถึงที่สุดแล้ว จะได้ไม่ต้องตะหงิดๆในใจว่า เอ…ถ้าเปลี่ยนเป็นรุ่น super จะดีกว่าหรือเปล่าหว่า…

     อีกทั้งโดยสเปคที่ทาง ASC เผยแพร่ ก็แตกต่างกันด้วย จะเห็นได้ว่า รุ่น super สามารถจัดการที่คลื่นความถี่ต่ำได้ดีกว่ารุ่น 16 นิ้ว ธรรมดา ผมจึงยืนยันขอเปลี่ยนเป็นรุ่น 16 นิ้ว super ตามที่ได้สั่งซื้อไป อย่างไรก็ตาม คุณบุญส่งขอให้ผมลองดูก่อนหากไม่เป็นที่พอใจก็ให้ส่งของคืนมา แล้วทาง audio excellence จะสั่งคู่ใหม่มาให้ ถ้างั้นก็OK ครับ ถือเป็นการลองดูฟรีๆแล้วกัน

ผมจึงจัดการแกะ Tube trap อีกแท่งหนึ่งออกจากกล่อง แล้วก็อุ้มมันเข้าห้อง จัดการวางมันเข้าที่มุมห้อง มุมละหนึ่งแท่ง เปิดแผ่น Test CD ของ Stereophile เปิด Sound pressure level meter ของ Radio Shack แล้วก็จัดการ วัดระดับของเสียงที่ความถี่ต่างๆ เพื่อดูว่า มันสามารถทำให้ เสียงที่ความถี่ประมาณ 60Hz ลดอาการโด่งลงได้หรือไม่ ผล……

     ……ไม่ได้ครับ มันก็ไอ้เหมือนเดิมนั่นแหละ อ่านแล้ว – อย่า – ใจแป้ว ผมแป๊วยิ่งกว่าคุณอีก คุณน่ะแค่อ่านเฉยๆ ไอ้ผมน่ะควักเงินสดๆซื้อมาใช้นะขอรับ ที่ความถี่ประมาณ 60Hz ยังคงโด่งขึ้นมาประมาณ 10 db เหมือนก่อน ไม่ได้แสดงอาการอะไรเลยว่า มันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผมจัดการทดลองเปิดแผ่น CD ต่างๆ ที่เคยพบปัญหาเบสบูม บวม ครางเป็น นกถึดทือ นั่งลงฟังมัน ผล…….

     ….. ดีขึ้นนิดโหน่ย แต่ปัญหายังคงมีอยู่ ผมผิดหวังมาก จัดการปิดเครื่อง กลับเข้าห้องนอนไปนอนอ่านเพชรพระอุมาทันที (นิยายเรื่องนี้ ผมอ่านวนไปวนมา เพราะมันยาวจริงๆ พออ่านจบตอน ผมก็จะลืมไปแล้วว่าตอนต้นๆ มีรายละเอียดยังไงมั่ง เลย…กลับไปอ่านใหม่อีกรอบ)

     รุ่งขึ้น ผมจัดการโทรติดต่อคุณบุญส่งเพื่อขอคืนทันที คุณบุญส่งแจ้งว่าไม่มีปัญหา และจะจัดการสั่งคู่ใหม่มาให้ (ใจจริงผมอยากบอกว่า ขอคืนเป็นเงินได้เปล่า แหะๆ… แต่ไม่กล้า เพราะจะทำให้ตัวเองเสียคำพูด และเสียเครดิตเป็นอันมาก) แต่ต้องรอสักหน่อย เพราะต้องสั่งไปใหม่สำหรับเงินที่ผมจ่ายไปแล้ว จะโอนคืนมาให้ แต่ผมบอกว่าไม่เป็นไร โอนไปโอนมาเสียเวลา เสียค่าโอนเปล่าๆ ทิ้งมันไว้ยังงั้นแหละ ซึ่งถ้าเป็นกรณีร้านค้าย่อย ผมคงไม่ให้เครดิตแบบนี้ ผมเชื่อว่า Audio Excellence ไม่ทำตัวเองเสียชื่อกับไอ้เงินจิ๊บจ๊อยจำนวนนี้หรอก จึงตัดสินใจทิ้งเงินไว้ให้เลย ของใหม่มาเมื่อไร ก็ส่งมาให้ผมแล้วกัน สำหรับคู่ที่ส่งผิดมานี้ ผมจะจัดส่งคืนให้วันรุ่งขึ้นก็เป็นอันเรียบร้อยตามนั้น

     ในคืนนั้นเอง ผมก็เปิดเพลงฟังแก้เซ็งไปเรื่อยๆ ผมเปิดแผ่น Janis Ian/ Breaking Silence ฟัง ก็ฟังไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ทำไมเสียงเบสดีขึ้นวะ ผมก็เลยเปลี่ยนการฟังจากการฟังแบบเรื่อยๆ มาเป็นแบบตั้งใจฟังทันที เอ๊ะ ดีขึ้นจริงๆแฮะ เบสมีรายละเอียดดีขึ้น สะอาดขึ้นและอีกจุดหนึ่งคือ เสียงกลางดีขึ้น เห็นได้ชัดจากเสียงร้องครับ เวทีเสียงใสขึ้น เคลียร์ขึ้น ผลแตกต่างที่ได้ยินชัดเจนมากกว่าตอนติด Roomtune ของ Michael Green

     เออ…มันแปลกดีนะ ผมมั่นใจว่า ผมไม่ได้มีใจเอนเอียง หรือพยายามหลอกตัวเองว่ามันต้องดีขึ้น ตรงกันข้าม ผมนั่งฟังมันด้วยความช้ำชอกใจ ที่มันแก้ปัญหาเบสบูมให้ผมไม่ได้ ดังนั้น ผมจึงฟังด้วยอาการที่มองมันในแง่ลบมากๆ ฟังด้วยความไม่เชื่อ เพราะเช็คมันด้วย Test CD แล้ว ก็ไม่เห็นจะมีผลอะไรนี่หว่า แล้วมันจะมีผลกับการฟังเพลงได้ยังไง

     แต่มันมีผลครับ มีจริงๆ ในด้านที่ดีขึ้น และชัดเจนด้วย ผมไม่ต้องฟังแบบ A/B Test เลย ฟังปุ๊ปก็รู้ เพราะมันเป็นแผ่นที่ผมคุ้นมาก มีอะไรเปลี่ยน ผมก็ย่อมรู้แน่นอน ไม่น่าเป็นไปได้ ผมจึงเริ่มต้นไล่ฟังแผ่นที่ผมคุ้นๆ เช่น Let it go, James Newton Howard & friends, Belafonte เป็นต้น ผลที่ได้ยิน ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เสียงดีขึ้นจริงๆครับ

     เอ เป็นไปได้ไง ผมเลยเปิดแผ่น Secret Island แทร็คแรกดูใหม่ นั่นไงปัญหาเบสบูม ก็ยังอยู่นี่ ถึงจะดีขึ้นแต่ มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้ผมอย่างเด็ดขาด แต่ เอ… แล้วทำไมกับแผ่นพวกนั้น เสียงถึงดีขึ้นได้ล่ะ อันที่จริงแผ่นในกลุ่มนั้น ผมก็ไม่ได้เจอปัญหาเบสบูมอยู่แล้ว ทำไม Tube Trap ถึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเสียงไปอย่างชัดเจนเช่นนี้

     แต่เราซื้อ Tube Trap มาเพื่อแก้ปัญหาเรโซเนนท์ของห้องฟังต่างหาก เราต้องการให้ ห้องฟังของเราหุบปาก ไม่ใช่เที่ยวมาส่งเสียงของตัวมันเอง แข่งกับเสียงดนตรีที่เราเปิดฟัง นั่น เท่ากับว่า Tube Trap ไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้โดยสมบูรณ์ใช่หรือไม่ ผมว่าใช่นะ

     ผมไม่แน่ใจว่า การที่มันไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยสมบูรณ์ เป็นเพราะมันมีคุณภาพ
ไม่ดีพอ หรือเป็นเพราะผมติดตั้งจำนวนของ Tube Trap เข้าไปในห้องฟังของผมไม่มากพอกันแน่ ปกติถ้าเราซื้อ Tube Trap ที่เมืองนอก เราจะต้องเล่นแผ่น CD ที่บันทึกสัญญานทดสอบที่ทำมาเป็นพิเศษ แล้ว บันทึกเสียงที่ได้ ส่งไปให้ทาง Tube Trap วิเคราะห์ แล้วเขาก็จะออกแบบมาให้เราว่า เราต้องใช้ Tube Trap รุ่นใด จำนวนเท่าไร นอกเหนือจากนั้นยังส่ง
Tube Trap เพิ่มเติมมาอีกจำนวนหนึ่ง นอกเหนือจากที่กำหนด แล้วให้เราทดลอง เอาเข้าเอาออกดูว่า ปริมาณเท่าไร จึงจะให้ผลดีที่สุด

     แต่… ที่นี่ประเทศไทย เราจึงไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ เหตุผล คือ

     ประการแรก นั่นเป็น Package ชุดใหญ่ แน่นอน คุณอาจจะต้องเตรียมเงินไว้ประมาณ 2-300,000 บาท สำหรับการใช้ Tube Trap อย่างเต็มที่ในห้องของคุณ

     ประการที่สอง เราไม่สามารถทดลองเรื่องจำนวนของมันได้ และมีข้อมูลระบุว่า การใช้ Tube Trap มากเกินไปจน Over damp นั้น เป็นผลเสียต่อเสียงมาก การซื้อ Tube Trap ในเมืองไทย เป็นการซื้อขาด ไม่สามารถคืนได้ หากซื้อมาเกินจำเป็น มันก็จะเป็นเศษขยะสำหรับคุณในทันที ซึ่งเรื่องนี้ คงต้องดูว่า ASC เอง ให้การสนับสนุนนโยบาย 30 days money back guaruntee กับตัวแทนในเมืองไทยหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเขาไม่ได้ให้การสนับสนุน ก็น่าเห็นใจ Audio Excellece ที่คงไม่สามารถให้เราทดลองได้เช่นกัน แต่นั่นหมายถึง ลูกค้าก็ย่อมลังเลในการซื้อ Tube Trap มาใช้ด้วย

     อันที่จริงนโยบายนี้ ควรจะมีการใช้ในเมืองไทยบ้าง การซื้อขายจะสามารถขยายตัวเพิ่มมากขึ้นได้ เพราะผมเชื่อว่า มีลูกค้าจำนวนหนึ่ง ที่พร้อมจะจ่าย ขอแต่เพียงให้เขามีความมั่นใจถึงความคุ้มค่าต่อเงินที่จะต้องจ่ายออกไปเท่านั้น ยิ่งสินค้าไทย ที่ทำเลียนแบบ ASC Tube Trap ยิ่งสมควรที่จะใช้นโยบายนี้ เพราะพูดถึงความเชื่อถือ ก้ไม่มีใครเชื่อถือของคุณอยู่แล้ว ดังนั้น คุณต้องกล้าพิสูจน์คุณภาพของสินค้าที่คุณขาย ไม่ใช่ ใช้วิธี โมเมขาย นี่รวมถึงสินค้าประเภทอื่น
ด้วย เช่น ตัวกรองไฟของ Silicon เป็นต้น

     ผลจากการฟังในคืนนั้นทำให้ผมตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้ฟังต่อสักวัน-สองวัน ผมอยากฟัง ให้มั่นใจว่ามันดีขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นอุปาทานของตัวผมเอง การฟังในคืนต่อมา ยังคงให้ผลเหมือนเดิม มันทำให้ผมต้องคิดหนัก เปล่าไม่ใช่เรื่องที่ว่า ผมจะคืนมันหรือไม่ ผมคืนแน่ๆ เพราะมันไม่ได้แก้ปัญหาเบสบูมให้ผมได้อย่างเด็ดขาด ผมอยากลองรุ่น 16 นิ้ว super แต่สิ่งที่ผมคิดคือ ผมควรจะเพิ่มงบ ซื้อมันมาใช้อีกแท่งหนึ่งดีไหม ทำไมต้องเพิ่มขึ้น เพราะการแก้ปัญหาเรื่องเบสนั้น
จุดที่ควรจะวาง Tube Trap เพื่อดูดซับเสียงเบสนั้น ควรจะวางไว้ที่มุมห้อง สี่มุม มุมละหนึ่งแท่ง และตำแหน่งผนังตรงกลางด้านหน้า ระหว่างลำโพง อีกหนึ่งแท่ง สาเหตุก็เพราะว่า ณ ตำแหน่งดังกล่าว ปริมาณความเข้มของเสียงจะมีปริมาณสูงสุด จึงควรจะดูดซับเสียงเบส ณ บริเวณนั้น

     แต่มุมห้องที่อยู่ด้านหลังของผมนั้น ไม่มีเนื้อที่ว่างมากพอที่จะวาง Tube Trap ขนาดใหญ่ได้ ก็มีแต่ผนังด้านหน้าเท่านั้น ที่ยังมีเนือที่วางมันได้อีกหนึ่งแท่ง ปัญหาคือ แน่นอน ผมต้องเพิ่มงบจากประมาณ $1,000 ไปเป็นประมาณ $1,500 โดยทันที คุ้มหรือไม่…. คุ้มหรือไม่…. แล้วผมจะหันไปถามใครดีล่ะนี่

     เอาวะ..ไหนๆก็ไหนๆ ผมมันเป็นหมู สวมเสื้อยืดไม่กลัว(น้ำ)ร้อนอยู่แล้ว ให้มันสุดๆไปเลย ผมจึงตัดสินใจที่จะเก็บ Tube Trap คู่นี้ไว้หนึ่งแท่ง ส่วนอีกแท่งหนึ่งผมจะส่งกลับไป ผมโทรไปแจ้งผลการตัดสินใจของผมให้คุณบุญส่งทราบ เราตกลงราคากัน ผมแจ้งว่าเงินงวดสุดท้ายนี้ ผมค่อยจ่ายเมื่อ Tube Trap คู่ใหม่ของผมมาถึงแล้วกัน

     ดังนั้น ในขณะนี้ห้องฟังของผมจึงมี Tube Trap วางไว้เพียงแท่งเดียว รายงานผลการทดลองใช้จะมีตามมาโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โปรดคอยติดตามอ่าน Tube Trap ภาคสอง ที่นี่ เร็วๆนี้….

————————-

ในปัจจุบัน ผมมี Tube Trap อยู่ 3 ชิ้น โดยวางที่หลังลำโพง ข้างละ 1 ชิ้น และ อีกชิ้นหนึ่งวางไว้ตรงกึ่งกลางของผนังหลังลำโพงครับ และ ห้องฟังใหม่ของผม ไม่ได้มีปัญหาเบสบูมอีกแล้วครับ เพราะทำการคำนวณไว้ก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างห้องฟังใหม่ครับ

————————
เพิ่มเติมสั้นๆ (เนื่องจาก งานยุ่งครับ จึงไม่มีเวลามาเขียนยาวๆ)
ASC Tube Trap เป็นอุปกรณ์ปรับอคูสติค ที่ทำงานได้ผลจริง  ช่วยให้เสียงเบส ดีขึ้นได้จริง โดยตำแหน่งการวาง ต้องทำการทดสอบ ทดลองดูในตำแหน่งต่างๆว่า ผลเป็นเช่นไรบ้าง  ASC ช่วยให้ เบส มีรายละเอียดดีขึ้น กระชับขึ้น  

อย่างไรก็ตาม ห้องจำเป็นต้องมีสัดส่วน และ โครงสร้างที่ถูกต้องอยู่ก่อนแล้ว  ASC Tube Trap จึงจะทำงานได้ดี   

สำหรับกรณีที่ห้องมีปัญหา  ผมไม่ทราบว่า ASC tube trap จะช่วยอะไรได้มากน้อยแค่ไหน  เนื่องจาก ไม่เคยทดลองผลด้วยตัวเองครับ  อีกทั้ง ในกรณีที่ห้องมีปัญหา อาจจะต้องใช้ Tube Trap จำนวนมาก วางอยู่ในห้อง  ซึ่งจะเป็นการที่ต้องใช้เงินลงทุนมากเกินไป สำหรับผม เพื่อหาคำตอบนี้  จึงขออภัย ที่ตอบในประเด็นดังกล่าวไม่ได้ครับ