ดราม่า… สาย Lan

เห็น What Hi-Fi จะจัดการทดสอบ หรือ พิสูจน์ เรื่อง ดราม่า สาย Lan ผมอยากแสดงความเห็นดังนีั้ครับ

ประเด็นเรื่อง Ethernet Cable (สาย Lan) มีผลต่อเสียง จริงหรือไม่ ก็เป็นประเด็นหนึ่ง

แต่ประเด็นที่ใหญ่กว่า คือ ทัศนคติ อคติ ของคนทั่วไป ที่มีต่อ audiophile ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่แก้ได้ยาก สาเหตุมีมาจากทั้งทางฝั่งของคนภายนอกเอง และ ที่เกิดจากการกระทำของคนในฝ่าย audiophile เอง

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่สมัย มีคนเขียนบทความเรื่อง “หูทองส้นตีนเถอะ” หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครไปแก้ไขอะไรเรื่องนี้ ต่างฝ่าย ต่างก็ยิ่งตอกลิ่ม ความแตกแยก ความไม่เข้าใจต่อกัน ให้เกิดปัญหารุนแรงมากขึ้น

การใช้แนวทางในการพิสูจน์ ต่อสู้ เอาชนะคะคาน ด้วยการบอกว่า..

ผมถูก ! คุณผิด !

จะไม่ได้ช่วยแก้อะไรเลยครับ

เชื่อผมเถอะว่า ต่างฝ่าย ต่างก็จะยืนกระต่ายขาเดียว ว่า ตัวเองเป็นฝ่ายถูก หลังจากนั้น ก็ยิ่ง ทะเลาะ ทุ่มเถียงกันมากยิ่งขึ้นไปอีก รังแต่จะทำให้ต่างฝ่าย ยิ่งปักธงรบ ยิ่งตั้งป้อมสู้มากขึ้น

audiophile เอง ก็ต้องยอมรับว่า คนจำนวนหนึ่ง มอง audiophile ว่าเป็นพวก งมงาย หลง เพ้อ ไม่มีสาระ ทำตัวเป็นพวกทรงเจ้าเข้าผี เชื่อในสิ่งเหลวไหล ไม่มีเหตุ ไม่มีผล ไม่เป็นวิทยาศาสตร์

audiphile ก็มองอีกฝ่ายว่า ฟังไม่เป็น ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ อะไร แค่นี้ฟัง ไม่ออก ?

แนวทางที่ผมอยากเสนอแนะ เพื่อแก้ไขเรื่องนี้คือ.

1. audiophile ก็ควรพิจารณา ตัวเอง ว่า ได้ทำอะไรที่มัน ไร้สาระ ไร้เหตผล ทำตัวเป็น พ่อมด หมอผี จริงหรือไม่ ? ซึ่งผมตอบได้เลยว่า มี ครับ และ ไม่น้อยด้วย ซึ่งนั่นเป็นปัญหาใหญที่แก้ได้ยาก เพราะมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

และเราก็ต้องยอมรับจริงๆว่า ในสังคม audiophile/videophile นั้น มีคนจำนวนหนึ่ง มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมอยู่จริงๆ บางคนถึงขั้นแสดงอาการก้าวร้าวออกมาอย่างชัดเจน ก็มี ผมอยากให้แก้ไข แต่มันก็คงยาก หรือ อาจจะแก้ไข ไม่ได้เลย

2.audiophile จะต้องอธิบายให้คนเข้าใจว่า แนวทางที่ถูกต้องของการเป็น audiophile คือ แนวทางไหน ทำไมเราจึงเป็น audiophile อย่าให้เขามอง audiophile เป็นพวกเพี้ยน ประสาทแดก หลอกตัวเอง อะไรทำนองนั้น

3.เชิญชวน ให้คนทั่วๆไป ได้มีโอกาส ได้เข้ามาสัมผัสโลกของ audiophile ไม่ใช่เพื่อให้เขายอมรับ ไม่ใช่เพื่อบอกว่าเขาผิด แล้ว audiophile ถูก แต่เพื่อให้เขาได้เข้ามาฟัง ชุดเครื่องเสียงดีๆ ชุดหนึ่งเท่านั้น ปล่อยให้เขาฟังไป แล้วปล่อยให้เขาคิดเอง ไม่ต้องไปบอกว่า เขาจะต้องคิดอย่างไร ชอบอย่างไร

หากเขาไม่สนใจ ก็ปล่อยเขาไป หากวันหน้าเขาจะเปลี่ยนใจ ค่อยชวนกลับมานั่งฟังกันใหม่อีกรอบ อย่าไปคาดหวัง คาดคั้น อย่าไปครอบงำ อย่าไปกดดัน ปล่อยครับ… ปล่อยไป สบายๆ… แค่ฟังเพลง.. แล้วปล่อยให้เขาฟังไปเรื่อยๆ…

หากเขาได้ฟังไปมากๆ วันหนึ่ง เขาจะฟังได้เอง คิดได้เอง และหากเขาเป็นคนที่รักในเสียงดนตรีจริงๆ ได้มีโอกาสได้ฟัง system คุณภาพที่ดีๆจริงๆ ผมเชื่อครับ… สังคม audiophile จะได้สมาชิกคนใหม่ เข้ามาเองครับ

4.การที่จะพิสูจน์ ในประเด็นใด ประเด็นหนึ่ง เป็นเรื่องอ่อนไหว และ ต้องใช้สมาธิ ประสบการณ์ในการฟัง และ เพลงต้องดี system ต้องดี หากจะจัดทดสอบอะไรส้กอย่าง อย่าไปเน้นการสรุป ผลที่ได้ครับ อย่าไปบอกว่าใครถูก ใครผิด

จัด system ดีๆ เปิดเพลงที่บันทึกเสียงมาดีๆ ให้เขานั่งฟัง แล้วหา audiophile ที่มีประสบการณ์ เปิดเพลงให้เขาฟัง แล้ว อธิบาย ชี้จุด ให้เขาสังเกตุ เปรียบเทียบ A/B/A test ไปเรื่อยๆ ให้เขาฟังเอง ให้เขาคิดเอง และ ให้เขาสรุปเอง

หากเขาฟังออก ก็ดี เราอาจได้ audiophile เพิ่มมาอีกคน

หากเขาฟังไม่ออก ก็ ok งั้นเอาไว้วันหน้า ค่อยว่ากันใหม่ ตอนนี้ฟังเพลงไปก่อนละกัน ชอบวงอะไร แผ่นไหน แนะนำเพลงให้กันและกัน จากกันด้วยมิตร ไมตรี ครับ ไม่ใช่ ด้วยความขุ่นข้อง หมองใจ ระหว่างกัน มันจะยิ่งทำให้เรื่องราว ยิ่งไปกันใหญ่

การไปฟังทดสอบเรื่องพวกนี้ ในงานเครื่องเสียง ซึ่งวุ่นวาย สับสน เต็มไปด้วยสายตาที่คาดหวัง จากทั้งสองฝ่าย กดดันให้คนที่นั่งฟังอยู่นั้น อาจจะถึงขั้นเหงื่อแตกได้ ฟังเสร็จแล้ว ก็จะเอาชนะคะคานกัน ด้วยการคาดคั้น เอาคำตอบให้ได้ว่า ใครจะเป็นฝ่ายชนะ นี่ไม่ใช่สภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการฟังทดสอบเคร่ื่องเสียง

audiophile เป็นกลุ่มคนจำนวนเล็กๆ ที่ยิ่งวัน ก็ยิ่งเล็กลงไปเรื่อยๆ เพราะ life style ของสังคม เพราะเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องของบ้านที่เล็กลงเรื่อยๆ ทำห้องฟังเพลงไม่ได้ เพราะเรื่องแรงกดดันจากชีวิต การงาน ดนตรีสมัยใหม่ ที่เน้นการประหยัดต้นทุนในการบันทึกเสียง มากกว่าการเน้นเรื่องคุณภาพเสียงที่ได้ ฯลฯ. นับวันผู้คน ก็จะยิ่งไม่เข้าใจ และ มอง audiophile ด้วย ความเข้าใจผิดๆ มากขึ้นไปเรื่อยๆ

audiophile ต้องการความเข้าใจจากคนรอบข้างครับ ต้องการสมาชิกใหม่ มาอยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน

แต่.. จะเป็นเช่นนั้นได้ audiophile ก็ต้อง ปัดกวาดบ้านตัวเอง ให้สะอาดเรียบร้อย น่าพักอาศัย เสียก่อนครับ เพื่อต้อนรับแขก

ผมเอง อายุมากแล้ว ผมไม่อยากไปยุ่งกับเรื่องปวดหัวแล้ว
ผมฟังเพลงไปตามประสา อยู่ในห้องฟังเพลง มืดๆของผมต่อไป ฟังคนเดียว คิดคนเดียว ยุ่งกับคนอื่น ให้น้อยที่สุด

แต่ผมเชื่อว่า เสียงเพลง ศิลปะดนตรี จะยังคงอยู่ต่อไป ไม่ว่า สังคม ผู้คน จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
จะมีคน กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ที่จะยังคง เสพเสียงดนตรี ผ่านเครื่องเสียงดีๆ ต่อไป…

และ ตราบใด ที่ยังมีคนที่รักในเสียงเพลง รักในคุณภาพเสียงที่ดี รักที่จะได้ฟังเพลง แล้วเหมือนว่า ศิลปินในดวงใจ กำลังมายืนร้องเพลงให้ฟังอยู่ตรงหน้า…

ตราบนั้น เรา audiophile จะยังคงอยู่ต่อไปครับ

ผมแค่อยากบอกว่า audiophile ไม่ได้เป็นหูทอง เราไม่ได้อยากได้ “ส้นตีน” จากใคร เราเป็นแค่คนที่รักในเสียงดนตรี ที่อยากฟังเพลง เพราะๆ… ใน system เครื่องเสียงดีๆ…. มันก็.. แค่นี้เองครับ

Happy Listening