แนะนำวิธี และ อุปกรณ์ ในการเก็บเมล็ดกาแฟ
หลังจากที่ผมได้ทดลองใช้งาน อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการเก็บเมล็ดกาแฟ มาระยะหนึ่ง ผมมีข้อสรุปความเห็น และ คำแนะนำ ดังต่อไปนี้ครับ
ผมเอง จะซื้อเมล็ดกาแฟ มาจากทาง Bluekoff มาครั้งละ 3 kg. ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ ค่าส่งฟรี และ ได้ส่วนลดปริมาณ จากทาง Bluekoff ด้วย เมล็ดกาแฟ 3 kg. นี้ ผมจะต้องใช้เวลาประมาณ 5 เดือนครึ่ง กว่าที่จะบริโภคหมด ด้วยเวลาที่ยาวนานมากดังกล่าว ผมจึงจะต้องมีวิธีเก็บรักษาให้ถูกต้อง เพื่อให้ เมล็ดกาแฟมีกลิ่น และ รสชาติ ที่ดี ในวันที่ผมเปิดถุงออกมาชง

เมื่อผมได้รับ เมล็ดกาแฟจากทาง Bluekoff ผมจะทำการเก็บ ถุงเมล็ดกาแฟทั้งหมด ไว้ในช่องฟรีซของตู้เย็นทันทีครับ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการ oxidize ขึ้น ผมไม่ได้ทำการ ซีล ให้เป็นถุงสูญญากาศอีกต่อไป เพราะผมคิดว่า ไม่จำเป็นครับ เพราะหากว่า เมื่อเมล็ดกาแฟ ถูกแช่แข็ง และ หยุดการ oxidize การใส่ในถุงสูญญากาศ ก็น่าจะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร ซึ่งผมจะเก็บเมล็ดกาแฟไว้แบบนี้ ตลอดระยะเวลา 5-6 เดือน โดยบริโภคไปเรื่อยๆ จนกว่า จะหมด แล้วจึงค่อยสั่ง lot ใหม่มาเพิ่มเติมครับ
ผมจะแบ่งเมล็ดกาแฟ ออกมาทีละครึ่งถุง แล้วนำออกมาจาก ช่องฟรีซ มาตั้งพักไว้ในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 6-7 วันล่วงหน้า ก่อนที่ผมจะเริ่มต้นนำเมล็ดกาแฟมาชง ทั้งนี้ เพื่อให้เมล็ดกาแฟ ได้เริ่มต้นทำการ oxidize และมีสภาพที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับการสะกัด Espresso โดยผมใช้ที่หนีบปากถุงของ iKea ราคาแค่อันละ 3 บาทเท่านั้นครับ หนีบปากถุงไว้
โดยตำแหน่งที่หนีบปากถุงนั้น ต้องอยู่เหนือ one way valve นะครับ และ ต้องหนีบปิดปากถุงได้สนิท ไม่ให้อากาศผ่านเข้าออกทางปากถุงได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ก๊าซภายในระบายออกไปได้ แต่ไม่ให้อากาศภายนอก ผ่านเข้าสู่ในถุงกาแฟ
เมื่อผมจะชง espresso ผมก็จะเปิดปากถุง แล้วตักเมล็ดกาแฟ มาใส่ถ้วยตวงเพื่อชั่งน้ำหนัก เมื่อได้ครบตามต้องการแล้ว ผมก็จะทำการ ปิดปากถุงไว้เหมือนเดิมอีกครั้งครับ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่า เมล็ดกาแฟจะหมด แล้วจึงไปเปิดถุงใหม่ต่อไป
ด้วยวิธีนี้ จะเป็นวิธีที่ ประหยัด และ ได้ผลดีมากๆ ในความเห็นของผม
เพราะตู้เย็น ทุกๆบ้าน ก็ต้องมีอยู่แล้ว
ถุงแบบ one way valve เราก็ได้มาฟรี พร้อมกับเมล็ดกาแฟ อยู่แล้ว
(เมล็ดกาแฟ บางยี่ห้อ ที่ไม่ได้ใช้ one way valve เราก็อย่าไปซื้อยี่ห้อนั้นๆ เพราะแสดงว่า เขาไม่ได้ใส่ใจในคุณภาพเลย)
ที่หนีบปากถุงของ iKea ก็ราคาแค่ อันละ 3 บาท เท่านั้น (29 บาท ต่อ 10 ชิ้น)
เพียงเท่านี้ ครับ ได้ผลดีมาก เพียงแต่เราต้องใส่ใจในการเก็บรักษาเล็กน้อย ต้องเอาไปใส่ช่องฟรีซ และ ต้องอย่าลืม เอามาตั้งพักในอุณหภูมิห้อง 7 วันล่วงหน้าก่อนชง
สำหรับ อุปกรณ์ราคาสูงๆ อย่าง Atmos หรือ Airscape ที่มีราคาพันบาทเศษๆ ต่อชิ้นนั้น ผมคิดว่า ไม่จำเป็น และ ไม่แนะนำครับ คือมันก็อาจจะไม่ได้ มีผลเสียอะไร แต่มันไม่จำเป็น และ มันเปลืองเงิน
อีกทั้งผมพบว่า ยางของ Airscape นั้น เริ่มเสื่อมสภาพค่อนข้างเร็ว การ seal เริ่มลดประสิทธิภาพ ก็ยิ่งทำให้ ผมรู้สึกว่ามัน ไม่คุ้มค่า มากยิ่งขึ้น
สำหรับ Atmos สภาพการใช้งาน ยังสมบูรณ์อยู่ นับว่า ทนทาน กว่า Airscape
แต่ข้อเสีย คือ ตอนที่ seal นั้น ก็ต้องคอย twist ฝาอยู่เสมอ ทำนานๆเข้า บางครั้ง ผมก็เบื่อ บางครั้งผมก็เมื่อยมือครับ ใช้วิธีตักออกจากถุง แล้วใช้ที่หนีบ ปิดปากถุง ง่าย และ เร็ว กว่ามากครับ และ ใช้เงินเพียงแค่ 3 บาท ต่อชิ้นเท่านั้นเอง
ข้อดีของ Atmos และ Airscape นั้น ก็คือ อาจจะดูสวย ดูดี มีชาติตระกูล
แต่มันไม่ได้ช่วยอะไร และ มันไม่จำเป็นเลยครับ ไม่ต้องไปซื้อให้เปลืองเงินหรอกครับ อันละตั้งพันกว่าบาท เสียดายเงินครับ
ใช้ถุงที่ได้ฟรีมา กับ ที่หนีบปากถุง iKea อันละ 3 บาท นั่นละครับ ดีทีสุดแล้วครับ
ทั้งหมดนั้น เป็นความเห็น และ คำแนะนำของผม ต่อวิธีเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ ไว้บริโภคนานๆ ที่ให้ผลดี และ มีค่าใช้จ่าย น้อยครับ ก็หวังวา จะมีประโยชน์ต่อท่านอื่นๆบ้าง ไม่มาก ก็น้อยครับ