Flair 58 review..

เนื่องจาก… ผมได้ใช้งาน Flair 58 มาเป็นระยะเวลาพอสมควร… และ.. ผมกำลังจะเปลี่ยน เครื่องทำ Espresso ของผม จาก Flair 58 ไปเป็น Decent DE-1 Pro ผมจึงอยากเขียนสรุปความเห็นของผมต่อ Flair 58 ไว้ดังนี้….

Flair 58 เป็นเครื่องชงกาแฟ ที่ระบบกลไกทุกอย่างเป็นแบบ manual ไม่ได้มีระบบไฟฟ้า เข้ามาเกี่ยวข้อง (ยกเว้นระบบ Pre Heat ของเครื่อง) ไม่มีปั้ม ไม่มีหม้อต้มน้ำ และ แทบ ไม่มีอะไรเลย มันเป็นเครื่องชง ที่ออกแบบมาได้เรียบง่ายมาก… แต่…​ข้อดีของมันคือ… มันสามารถที่จะใช้ชงกาแฟ ให้ผลสุดท้ายที่ออกมา ทำได้ใกล้เคียง หรือ ดีกว่า… Espresso Machine ราคาสูงๆได้ครับ

เพราะในการทำ Espresso ด้วย Flair 58 นั้น เราสามารถคุม Dose ของผงกาแฟได้ คุมการ Tamp ได้ คุมอุณหภูมิของน้ำได้ คุมเวลา และ คุม แรงดันในการกด ด้วยแรงของเราได้ตามต้องการ (ต้องอาศัยทักษะ และความชำนาญประกอบด้วย)

ผลที่ได้คือ การทำ Espresso ที่สามารถคุมได้ทุกองค์ประกอบ เหมือน espresso machine ราคาสูงๆ และได้ Espresso ที่มีคุณภาพเท่าเทียมกับ เครื่องราคาสูงๆ ได้สบายๆ ในราคาที่… ถูกกว่า มากครับ ราคาของ Flair 58 จะอยู่ที่ ประมาณ 17,000 บาท ครับ (หลังจาก 1 ก.ย. 64 มีการขึ้นราคามาเป็นประมาณ 19,000 บาทครับ)

หลังจากที่ผมได้ใช้งาน Flair 58 มาระยะหนึ่ง ผมขอสรุปข้อดี ข้อเสีย ในความเห็นส่วนตัวของผม.. ไว้ดังนี้ครับ

ข้อดี
– เป็นเครื่องชง Espresso ที่ทำ Espresso ออกมาได้ดี มีคุณภาพสู้กับ pump machine ราคาสูงๆได้
– มีราคา สมเหตุ สมผล และ หากคิดถึงคุณภาพของ espresso ที่ได้ ต้องถือว่า มีราคาถูก คุ้มค่ามาก
– การดูแล บำรุงรักษา ทำได้ง่าย ไม่จุกจิก ไม่ยุ่งยาก และค่าใช้จ่ายต่ำ
– การซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงอะไหล่ ทำได้ง่าย ด้วยตัวเอง
– ใช้ Portafilter ขนาด 58 mm. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน ที่ทำให้ Flair 58 เข้ากันได้ กับอุปกรณ์เสริมต่างๆ มากมาย
– มี Workflow ที่เหมือนกับ Espresso Machine ตัวใหญ่ๆ สามารถทำการชง แก้วต่อแก้ว ได้สะดวก รวดเร็วมากขึ้น
– มีระบบ Pre Heat ในตัว ช่วยให้สะดวกขึ้นมากครับ และ เป็นสิ่งสำคัญ และ จำเป็น ในการสกัด espresso
– มีขนาดกระทัดรัด ใช้พื้นที่ น้อย ครับ
– ใช้เวลาในการ pre heat ไม่นานครับ ประมาณ 3-4 นาที (แต่ควรอุ่นไว้สัก 10-15 นาทีดีกว่า เพื่ออุ่น portafilter และ basket ด้วย) ถือว่า เร็วตามสมควร ไม่เหมือน pump machine บางยี่ห้อ ที่ต้องรอกันถึง 30 นาที กว่าจะพร้อมใช้งานครับ
– การควบคุม แรงดัน ความเร็ว และ เวลาในการสกัด ทำได้ดีครับ แต่ต้องมีทักษะ และ ความชำนาญ ตามสมควร (โดยที่ ไม่มีการเปลี่ยน เมล็ด เบอร์บด และ ใช้ความดัน คงที่ไปตลอดการสกัด espresso ครับ)
– บริการ ก่อน และ หลังการขาย ทั้งผู้ผลิต และ ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ทำได้ดีทั้งคู่ครับ

ข้อเสียและข้อสังเกตุ
– ในการสกัด ผู้สกัด espresso จะต้องควบคุม น้ำหนัก ในการกดคันโยก และ ความเร็วในการกดคันโยก ให้ได้เหมือนๆกันในทุกๆครั้ง จึงจะได้ คุณภาพของ espresso ออกมาดีสม่ำเสมอทุกครั้ง แต่หากแม้นว่า คุมน้ำหนักการกดไม่ได้ คุมความเร็วในการกดไม่ได้ คุณภาพของ espresso ก็จะเพี้ยน และ แกว่ง ทันทีครับ ดังนั้น การฝึกฝน และ จดจำน้ำหนัก ความเร็ว และ วิธีในการสกัดจึงมีความจำเป็นมาก ผู้ที่จะใช้งาน Flair 58 ได้เต็มศักยภาพ จำเป็นต้องมี ทักษะ และ ความชำนาญในการใช้งานที่ดีครับ

– และเนื่องจากการควบคุม น้ำหนัก ความเร็วในการกดคันโยก ทำให้สม่ำเสมอได้ยาก ดังนั้น จึงทำให้ การที่เราจะควบคุม Profile ในการกดให้ได้เหมือนกันทุกๆครั้ง จึงเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน และ การที่จะควบคุมให้ในแต่ละช่วง มีแรงดัน และ flow rate เป็นไปตามที่เราต้องการเป๊ะๆนั้น อาจจะทำได้ยากมากๆ หรือ ทำไม่ได้เลย เราอาจจะพอควบคุมให้มันใกล้เคียงแบบคร่าวๆได้ โดยให้มีความดันคงที่ได้ แต่จะให้เป๊ะๆ ทุกๆจุด และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละทุกๆวินาที เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆครับ

– และเนื่องจาก การคุม profile นั้น ทำได้ยาก หากเรามีการเปลี่ยนเมล็ดกาแฟไปเรื่อยๆ ในการสกัดแต่ละครั้ง เช่น สกัดคั่วเข้ม และ ตามมาด้วยการสกัดคั่วอ่อน ก็จะทำให้เราคุม profile ให้เปลี่ยนไป และ ปรับให้เหมาะสมกับเมล็ดกาแฟในครั้งนั้นๆ ได้ยากครับ เพราะจะต้องใช้ แรงกด ความเร็ว และ เวลาในการสกัด ต่างๆกันไปเรื่อยๆ มีโอกาสเพี้ยน สูงครับ

– หากต้องการที่จะปรับ profile แบบ on the fly โดยอาศัย bluetooth scale + app หรือ ใช้ Smart Espresso Profiler มาประกอบ ผมคิดว่า จะเป็นการลงทุนที่เกินจำเป็น bluetooth scale ก็อาจจะทำงานได้ไม่เที่ยงตรงนัก Smart profiler ก็มีราคาค่อนข้างสูงเกินไป ทำให้งบการลงทุน กระโดดมากไปครับ และ ถึงแม้ลงทุนแล้ว ก็อาจจะไม่สามารถทำได้อย่างที่ Decent DE-1 สามารถทำได้ครับ ดังนั้น หากว่า ต้องการปรับ profile อย่างละเอียดจริงๆ ให้ได้อย่างใจ และ เที่ยงตรง ผมแนะนำว่า ให้ลงทุนซื้อ Decent DE-1 มาใช้เลย จะดีกว่าครับ

– ต้องใช้แรงในการกดคันโยกบ้าง ดังนั้น การใช้งาน จะไม่สะดวกเหมือนการกดปุ่มของ pump machine ทั่วๆไป ดังนั้น ผู้ใช้งาน จะต้องมีสุขภาพแข็งแรงตามสมควร หากแม้นมีปัญหาไขข้อ หรือ ปัญหากล้ามเนื้อ อะไรทำนองนั้น ก็จะไม่สามารถใช้งาน Flair 58 ได้ดี หรือ อาจใช้งานไม่ได้เลยครับ

– หากผู้ใช้งานยังไม่มีทักษะ และ ยังไม่มีความชำนาญ ก็อาจจะต้องใช้เวลามากขึ้น เวลาที่ต้องการ dial-in ในการสกัดเมล็ดกาแฟใหม่ๆที่ต้องการทดลอง เนื่องจาก ไม่สามารถควบคุม แรงดัน ความเร็วในการกด ให้คงที่สม่ำเสมอได้ ตามที่ต้องการ

– หม้อแปลง มีขนาดใหญ่ เทอะทะ และ ดูไม่ค่อยมีราคาเท่าไร (แต่เราซ่อนมันใน cable box ได้) สวิทช์ที่ใช้ควบคุมการทำงาน ก็ไม่ถึงกับดูดีมาก แต่ก็ไม่ได้ดูแย่ครับ

– ไม่มีหม้อต้มน้ำในตัว ต้องหา กาต้มน้ำแบบ ควบคุมอุณหภูมิได้ มาใช้งานประกอบกัน

– ไม่มี Steam ในตัว จึงเหมาะสำหรับทำ espresso หรือ americano เป็นหลัก หากจะทำ latte ด้วย ก็ต้องไปซื้อเครื่องปั่นฟองนม มาใช้ต่างหากครับ

– เวลาที่ใช้งานไปเรื่อยๆ… ตัว Valve Pluger จะค่อยๆหมุนไปทีละนิด พอถึงจุดหนึ่ง เราก็ต้องคอยมานั่งหมุนมันให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องครับ

– ไม่เหมาะสำหรับการพกพา ไปใช้งานนอกสถานที่ ครับ เครื่องไม่ได้ออกแบบให้เอาไปใช้งานนอกบ้านครับ

– Flair 58 เป็นเครื่องระดับ Home use ครับ ไม่เหมาะที่จะนำไปใช้งานในระดับ commercial ที่มีลูกค้า จำนวนมากๆ เข้ามาต่อเนื่อง ตลอดวัน เนื่องจาก คนกดเครื่อง Flair 58 จะเหนื่อย และ ล้า ไปในที่สุด และ การกด ก็จะเริ่มแกว่ง ทำให้ได้ คุณภาพของ Espresso ไม่คงที่ ตลอดจน การที่เปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอดวัน ทำให้ส่วนประกอบบางอย่าง อาจ มีอายุสั้นลง เช่น O-ring หรือยางฉนวนกันความร้อน หรือ หม้อแปลง หรือ ระบบ Pre Heat เป็นต้น เพราะเปิดใช้งานตลอดวัน โดยไม่มีการพัก ดังนั้น ไม่ควรนำ Flair 58 ไปใช้ใน coffee shop ระดับ commercial ครับ (ยกเว้นเป็น slow bar ที่มีลูกค้าไม่มากนะครับ)

สรุป
แนะนำครับ สำหรับ ผู้ที่ต้องการมองหา Lever espresso machine มาใช้งานสักเครื่อง Fliar 58 สามารถสกัด Espresso ที่มีคุณภาพดีมาก ภายใต้งบประมาณที่ สมเหตุสมผล และมีความคุ้มค่า ในราคาค่าตัวของมัน

และหากคุณพร้อม และ ยินดี ที่จะใช้แรง ในการกดคันโยกของ Flair ผมคิดว่า มันคุ้มค่ากว่า และ น่าเล่นกว่า pump machine ในราคาที่สูงกว่า หลายเท่าตัวด้วยซ้ำไปครับ

ผมคิดว่า ในระดับราคานี้ Flair ไม่มีคู่แข่งครับ Flair เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเครื่องหนึ่ง.. ครับ สำหรับ Lever Machine ใน พ.ศ. นี้ครับ