คำแนะนำสำหรับผู้ต้องการใช้เงินอย่างคุ้มค่าในการซื้อ WDT, Distributor & Tamper
ก่อนอื่น.. ขอเรียนว่า บทความนี้ เขียนขึ้นมาเพื่อแนะนำ ผู้ที่ต้องการซื้อหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการสกัด Espresso โดยเน้น ความคุ้มค่า ประหยัด และ ได้ผลการใช้งานที่ดีเป็นสำคัญ เน้นประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เน้นหาของราคาต่ำสุด แต่ยังทำงานได้ดี ไม่เน้นยี่ห้อ ไม่เน้นภาพพจน์ ไม่เน้นความสวยงาม และในการเขียนแนะนำนั้น ผมอาจแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องอุปกรณ์ ที่มีราคาสูงๆบางรายการ อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
ขอเรียนว่า สิทธิ์ในการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละท่าน หากท่านใดอยากซื้ออุปกรณ์ราคาสูงๆ สวยๆ ด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือ เหตุผลอื่นใดก็ตาม ท่านมีสิทธิ์ของท่าน อย่างเต็มที่ และ บทความนี้ จะไม่มีประโยชน์ใดๆต่อท่านเลย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องอ่านบทความนี้ต่อไป แต่อย่างใดครับ….
สำหรับท่าน ที่มองหา.. การใช้เงินให้คุ้มค่า และ ต้องการตัดสินใจ ด้วยเหตุผล แนะนำให้อ่านบทความนี้ต่อไปครับ….
คำแนะนำ และ ความเห็นส่วนตัว ของผมทั้งหมด เกิดจาก การที่ได้ทดลองใช้ อ่านความเห็น ดูรีวิว จำนวนมาก แล้วจึงค่อยสรุปมาเป็นคำแนะนำของผม ดังนี้ครับ….
WDT
WDT เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่ง และ จะขาดไม่ได้เป็นอันขาดครับ WDT จะช่วย กระจายก้อนของผงกาแฟ ไม่ให้จับตัวเป็นก้อนๆ ช่วยทำให้ ผงกาแฟ กระจายตัวออกไปโดยมีความหนาแน่นอย่างสม่ำเสมอ เท่ากันไปทั้ง Basket ซึ่งจะช่วยป้องกัน อาการที่เรียกว่า channeling ได้เป็นอย่างดีครับ
อุปกรณ์ WDT ที่ผมขอแนะนำ คือ ตามแบบภาพข้างบน ครับ ราคาอยู่ระหว่าง 59-99 บาท เท่านั้น ให้เลือกแบบที่เข็มทุกอัน มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 0.3-0.4 mm. เท่านั้น ห้ามใหญ่กว่านี้ โดยเด็ดขาดครับ หลังจากซื้อแล้ว ก่อนใช้งาน หากปลายเข็มแหลมมาก ให้ฝนลบ ปลายแหลม จนหาย คม ก่อนใช้งานนะครับ
อย่าไปซื้ออะไรที่ ราคาแพงกว่า 99 บาท โดยเด็ดขาดครับ เพราะจะเป็นการเสียเงินไปโดยไม่คุ้มค่าครับ WDT แบบหัวไม้คอร์กนั้น ทำงานได้ดีที่สุด เราสามารถควบคุม ระดับความลึกในขณะใช้งานได้ตามต้องการ เราสามารถกำหนดเลือกพื้นที่ ที่ต้องการได้ เราสามารถกำหนดรูปแบบการ กระจายผงกาแฟได้ตามต้องการ
ส่วนของแพงนั้น….
บางยี่ห้อ ใช้เข็มขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งจะทำงานได้แย่มากๆ
บางยี่ห้อ เปลี่ยนแปลงระดับความลึกไม่ได้เลย
บางยี่ห้อ เปลี่ยนรูปแบบ การกระจายผงกาแฟ ไม่ได้เลย
แล้วคุณจะไปเสียเงินให้มากๆ โดยเปล่าประโยชน์ทำไมครับ ?
มีของถูกที่สุด แต่ทำงานได้ดีที่สุด
ทำไม คุณจึงจะไม่ใช้ครับ ?
ทำไม จะต้องไปใช้ของแพง ? เพื่ออะไร ?
อันละ 59-99 บาท ไม่ซื้อ แต่จะไปซื้อ ของแพงๆ หลายๆพันบาท ที่ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลย บางครั้ง อาจจะทำงานได้แย่กว่าด้วยซ้ำ
จะไปซื้อทำไม ครับ ? ลองคิด พิจารณาดู ให้ดีๆครับ
Distributor
Distributor ไม่ใช่สิ่งจำเป็น ไม่ต้องใช้ก็ได้ครับ ใช้วิธี palm taping แทนก็ได้ครับ ผลเท่ากัน หรือใช้นิ้วปาดเอา หรือ ใช้ WDT เกลี่ยๆให้ผิวหน้า เสมอกัน แทนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ Distributor แต่อย่างใดเลย
Distributor เป็นเพียงแค่สิ่งที่เสริมเข้ามา ที่ช่วยให้สะดวกขึ้น และ ทำงานได้เร็วขึ้นบ้าง ดังนั้น หากคุณจะใช้ Distributor ก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ ถือว่า ซื้อความสะดวก แต่จะไม่ใช้ก็ได้ครับ เพราะมันไม่จำเป็น
การทำงานของ Distributor นั้น เป็นแค่การเกลี่ยผิวหน้าของผงกาแฟ ให้เสมอกันเท่านั้นเอง ครับ มันไม่ได้มีผลอะไรไปมากกว่านั้น หากว่า ข้างใต้ของผิวหน้า ผงกาแฟกระจายตัวไม่ดี หรือ มีก้อนของผงกาแฟจับตัวกันอยู่ ต่อให้คุณใช้ Distributor คุณจะเจอ channeling แน่นอนครับ เพราะ Distributor จะช่วยอะไรคุณไม่ได้เลยครับ จึงเห็นได้ว่า WDT นั้น สำคัญกว่า Distributor มากๆครับ
ทีนี้ หากว่า คุณเลือกที่จะใช้ Distributor คุณซื้อของในระดับ ไม่กี่ร้อยบาท หรือเต็มที่ ก็ไม่เกินพันกว่าบาท ตามลักษณะรูปข้างบน ก็พอแล้วครับ ผมมองไม่เห็นประเด็นใดๆที่จะไปซื้อของ หลายๆ พันบาท มาใช้เลยครับ เดี๋ยวนี้ มีของผลิตในจีนมาขาย เลือกซื้อของพวกนั้น พอแล้วครับ ไม่กี่ร้อยบาทก็มี เลือกได้ตามใจชอบครับ
อย่าไปเสียเงิน อย่างไร้ค่า หรือ ถูกปั่นกระแส ถูกหลอก ให้ซื้อของแพงๆ มาใช้เลยครับ คุณเอาเงินไปใช้ในส่วนอื่นที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้ดีกว่า
หากมีเงินมากๆ ผมแนะนำว่า ให้ไปลงทุนซื้อเครื่องบดเมล็ดกาแฟ ดีๆมาใช้ครับ จะหลายๆหมื่น หรือ เป็นหลักแสนมาใช้ ผมว่า ก็ยังมีเหตุผลมากกว่า การไปเสียเงิน หลายๆพัน ซื้อ Distributor สวยๆมาใช้ครับ
เพราะมันไม่ได้มีประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ทุกวันนี้ ผมชง Espresso ดีๆ อร่อยๆ ไม่มีอาการ channeling ผมก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปซื้อ Distributor แพงๆ มาใช้แต่อย่างใดเลยครับ ใช้ Distributor ของราคาถูกๆนี่แหละครับ เพียงพอแล้วครับ
Tamper
Tamper ผมแนะนำว่า ซื้อของในระดับราคาประมาณ พันกว่าบาท ที่มีระบบกันเอียงในตัว และ มีระบบควบคุม แรงกดให้คงที่ ก็เพียงพอครับ เช่นเดียวกัน ผมมองไม่เห็นประเด็นที่จะต้องไปซื้อของแพงๆ หลายๆพัน มาใช้ เพราะผมก็เห็นว่า มันก็ทำงานได้เท่าๆกันครับ ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน
Tamper แค่มีหน้าที่ ในการกดผงกาแฟ ไล่ให้ อากาศออกไป และ กดให้ผงกาแฟ ยุบตัวลงไป โดยสม่ำเสมอในทุกส่วน และ มีผิวหน้าที่ได้ระนาบ ไม่เอียง ไม่มีหลุม ไม่มีส่วนเกินโผล่ขึ้นมา…. เท่านี้เองครับ ไม่มีอะไรมากกว่านี้
และ.. เรื่องแรงกด จะมาก จะน้อย ไม่ได้มีความสำคัญเป็นสิ่งแรก สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความคงที่ของแรงกด มากกว่าครับ ว่า ควรจะเท่าๆกัน ในทุกๆครั้ง ซึ่งจะช่วยให้คุณ dial-in ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้นครับ
ดังนั้น การซื้อ Tamper แบบควบคุมแรงกด จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาครับ แต่ไม่จำเป็นต้องไปซื้อ Tamper แพงๆมาใช้หรอกครับ ซื้อแค่ พันกว่าบาท ก็พอแล้ว ผมใช้อยู่มันก็ใช้งานได้ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แล้วจะไปซื้อ Tamper อันละ 6 พัน 8 พัน บาท มาใช้เพื่ออะไรครับ ?
แรงกด นั้น อาจจะมีผลต่อการสกัด Espresso บ้าง ในประเด็นที่ว่า หากใช้แรงกดมากเกินไป มันมีความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิด channeling ได้ง่ายขึ้นครับ ดังนั้น อย่าใช้แรงกด Tamper มากเกินไปครับ ให้ใช้แรงกด ตามจำเป็นเท่านั้น หากว่า กดเบาๆแล้ว ได้ผลที่ดี ก็ให้เลือกกดเบาๆ ครับ 15 ปอนด์ หรือ 25 ปอนด์ ก็อาจจะเพียงพอแล้ว แต่กดด้วยแรงที่คงที่ ทุกๆครั้งครับ จะช่วยให้คุณสกัด Espresso ที่ดีๆ ได้เร็วกว่าครับ ลดการเกิด channeling ได้ดีกว่าครับ
ทั้งหมดข้างต้นนั้น คือ คำแนะนำ และ ความเห็นของผม เกี่ยวกับ การเลือกซื้อ อุปกรณ์ที่ใช้ในการสกัด Espresso อย่างคุ้มค่าเงิน และ เน้นประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มากกว่า การเน้นหน้าตา ความหรูหรา ยี่ห้อ หรือ กระแสของการปั่น ครับ
อุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟ มีให้เลือกซื้อ หลากหลายครับ
ถูกบ้าง แพงบ้าง
ทำงานได้ดีบ้าง ทำงานได้เลวบ้าง
คุ้มค่าบ้าง และ ที่เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ก็มีเช่นกันครับ…..
ดังนั้น ใช้เงินของคุณอย่างชาญฉลาดครับ อย่าไปตามกระแสโดยไม่คิดอย่างรอบคอบ ให้ใช้สติคิดว่า ของที่จะซื้อนั้น มีเหตุผล มีความคุ้มค่า หรือไม่ ? มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จริงๆหรือไม่ ? มันเป็นตัวเลือกที่ ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด แล้วหรือไม่ ?
คุณสามารถใช้เงินแค่ประมาณ พันกว่าบาท ซื้อ WDT + Tamper มาใช้งานได้ ก็เพียงพอแล้วครับ มันจะทำงานได้เป็นอย่างดีมากๆ และคุ้มค่ามากๆครับ คุณสามารถสกัด Espresso ดีๆ ได้ทันที ด้วยอุปกรณ์เพียงสองชิ้นนี้เท่านั้น….
อย่าไปเสียเงิน ซื้อ WDT + Distribuotr + Tamper ด้วยวงเงิน สูงถึง หมื่นกว่าบาท… เพราะมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด ก็คือ คนขายครับ เพราะได้กำไรดีแน่ๆครับ
ส่วนคนซื้อนี่ ผมมองไม่ออก และ หาเหตุผลไม่เจอว่า จะได้ประโยชน์ อะไร แต่อย่างใดเลยครับ
ดังนั้น ไม่ต้องซื้อแพงครับ ซื้อของที่ราคาสมเหตุ สมผล และ ใช้เงินของเราอย่างฉลาด จะเป็นการดีที่สุดครับ