Arcam AVR390
Price £1,999
รายงานผลเรื่องเสียงของ Arcam AVR390 ครับ
ตลอดเวลาที่ผมใช้ Onkyo ผมมีปัญหากับมัน ในทุกครั้งที่ผมฟังแผ่น Concert หรือ Musical ต่างๆ ผมทนฟังผ่านระบบ Surround ของ Onkyo ไม่ได้ครับ เสียงมันไม่ดีเลย ทำให้ผมต้องเลี่ยงไปด้วยการเปิด concert ผ่านระบบ 2 ch. แล้วไปใช้ Amp VTL แทน ส่วนหนังนั้น ก็พอดูได้ครับ มัน ok สำหรับหนัง action หรือ หนังทั่วไป
แต่เมื่อ ผมได้ลองฟังแผ่น concert , musical ต่างๆ ผ่าน Arcam ผมพบว่า คุณภาพเสียงของ Arcam นั้น ดีกว่า Onkyo มาก มากกว่าชนิดที่เรียกว่า คนละระดับ ทิ้งกันไปไกลทีเดียว ผมทำการเปรียบเทียบโดยฟังผ่าน mode Stereo Direct ทั้งคู่ ทั้ง Onkyo และ Arcam เพื่อตัดทุกอย่างออกไปให้มากที่สุด แล้วเปรียบเทียบกันเฉพาะในภาค Pre และ Power ของ AVR สองเครื่องนี้ ผมเปิดเพลงฟังจาก CD และก็อย่างที่รายงานครับ Arcam ดีกว่ามาก
เสียงกลาง แหลม ของ Arcam เปิดกว่า โปร่งกว่า Relax กว่า เสียงไม่เครียด ไม่หยาบ
ในขณะที่ Onkyo นั้น เสียงจะหยาบกร้านกว่า อย่างเห็นได้ชัด
เวทีเสียงของ Arcam ก็กว้างกว่า ลึกกว่า และ เคลียร์มากกว่าอีกด้วยครับ
สำหรับระบบเสียง Surround Arcam ทำให้ผมเปิด Phantom Of The Opeara แล้วดูผ่านระบบ DTS ได้ และผมฟังได้อย่างเพลิดเพลินด้วย หากเป็นสมัยที่ผมใช้ Onkyo ผมต้องเลี่ยงไปฟังเป็นแบบ 2 ch. แล้วเปิดผ่านแอมป์ VTL แทน การเปลี่ยนมาเป็น Arcam ครั้งนี้ ทำได้ดีกว่า เกินกว่าที่ผมคาดไว้ สำหรับ การเปลี่ยน AVR ครับ
การดูหนังอย่างเรื่อง Sully บรรยากาศแวดล้อมของสนามเสียง ทำได้ดีกว่า Onkyo เช่นกัน และ เสียงของ Arcam ก็เปิด โปร่งกว่า ฟังสบายกว่า เครียดน้อยกว่า Onkyo อย่างชัดเจนครับ
ในเวลานี้ ผมปรับเสียงของ Arcam อย่างคร่าวๆ ผมยังไม่ได้ทดสอบระบบ Dirac Live ซึ่งเป็นการปรับเสียงแบบอัตโนมัติของ Arcam ว่า จะส่งผลต่อเสียงขนาดไหน ซึ่งผมจะทำในภายหลัง ตอนนี้ ผมต้องฟัง Arcam ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความเคยชิน และ จดจำเสียงตอนนี้ของมันให้ได้เสียก่อนครับ
หมายเหตุ –
สำหรับประเด็นเรื่องราคาค่าตัวที่ Arcam สูงกว่า Onkyo นั้น เป็นประเด็นที่ต้องแยกออกไปต่างหากครับ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องใช้ประกอบการพิจารณา แต่การรายงานเรื่องคุณภาพเสียงนั้น ต้องแยกรายงานโดยไม่ไปเกี่ยวพันเรื่องของระดับราคา
บางกรณีเครื่องที่ราคาสูงกว่า ก็ไม่จำเป็นต้องเสียงดีกว่าเครื่องที่ราคาถูกกว่าเสมอไป หากเราทดลองฟังแล้ว เราได้ยินอย่างไรก็ควรรายงานไปตามที่ได้ยิน และมีบางท่านกล่าวตำหนิว่า เอาเครื่องคนละระดับราคามาเปรียบเทียบกันนั้นไม่ถูกต้อง แต่ผมอยากเรียนดังนี้
1. ผมก็มีอยู่แค่สองเครื่องนี้ ที่ควักกระเป๋าซื้อมาใช้เอง ทดลองฟังเอง ได้ผลอย่างไร ผมก็เล่า ก็แชร์ให้คนอื่นๆฟัง
2. ไม่มีใครจะส่งเครื่องให้ผมทดลองฟังฟรีๆ แต่หากท่านใด สามารถจัดการให้ ยี่ห้ออื่น เขาส่งเครื่องในระดับราคาเดียวกับ Arcam มาให้ผมทดสอบฟรีๆ ผมก็ยินดีครับ ไม่ปฎิเสธ
3. หากท่านคิดว่า ผมทำผิด แสดงความเห็นผิด ท่านสามารถที่จะ ข้ามไป ไม่ต้องอ่านความเห็นของผมครับ
4. แต่.. ผมย่อมมีสิทธ์ แสดงความเห็นของผมได้โดยอิสระเช่นกัน ไม่มีใครมีสิทธิ์ มาห้ามผม แสดงความเห็นครับ
To be continued….
ประสบการณ์ Arcam’s Dirac Live by Deco
Arcam AVR เครื่องนี้ ไม่ใช่ Arcam เครื่องแรกของผม Arcam เครื่องแรกของผมจริงๆเป็น Integrated amp ครับ คือ Arcam Alpha ย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยที่ผมเริ่มขยับจากการเล่น Reciever มาเป็น Integrate Amp เลย ตอนนั้นผมไปลองฟังมันเปรียบเทียบกับ NAD 3020 ตัวดังแห่งยุค ที่หนังสือเชียร์กันถ้วนหน้า และ เหล่าประชาชนก็โหมซื้อ NAD 3020 กันถล่มทลาย….
ผล… ผมซื้อ Arcam Alpha ครับ
เพราะผมฟังแล้ว ผมชอบ Arcam มากกว่า NAD ผมก็ซื้อ Arcam ครับ ผมไม่แคร์ และ ไม่สนหรอกว่า คนอื่นจะว่ายังไง ในเมื่อกลาง แหลม และเสียงโดยรวมของ Arcam ดีกว่า NAD ผมจึงเลือก Arcam (NAD ตอนนั้น จะดีกว่า Arcam ในแง่ของ impact, dynamic แต่ในแง่ความละเอียด เนียน ของเสียง สู้ Arcam ไม่ได้)
จะเห็นได้ว่า ผมเป็นของผมอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเริ่มเล่นเลย และ ไม่เคยเปลี่ยน จะซื้ออะไร ผมไม่เคยเชื่อคนอื่น ผมไม่เคยเชื่อเซียน ผมเชื่อหูของตัวเองโดยเสมอมา ยิ่งพ่อค้าในคราบเซียนฟันธงกำมะลอ ยิ่งอย่าไปหลงเชื่อโดยเด็ดขาด
หลังจาก Arcam ผมเปลี่ยน Amp ไปเป็น Acurus DIA-100 Mk.II หลังจากนั้น ผมก็ห่างจาก Arcam ไป ผมพัฒนา system ของผมไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง.. วันนี้ วันที่ผมได้กลับมาพบกับ Arcam อีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ในรูปแบบของ A/V Reciever ครับ
Surround Sound.. ที่ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญ
ผมทำต่อระบบ surround sound เสมือนเป็นลูกเมียน้อยเสมอมา ผมไม่ค่อยซีเรียส ไม่ค่อยใส่ใจ และ ไม่ค่อยลงทุนต่อระบบ Surround Sound มากนัก ดังนั้น การลงทุนของผมต่อ Surround Sound ไม่เคยเกินในระดับต้นๆ หรือ กลางๆ ผมไม่เคยคิดจะลงทุนกับ ลำโพง Surround Sound ราคาเป็นแสนเป็นล้าน หรือ Pre Pro หรือ Power amp แพงๆ คือ อะไรที่มันแพงเกินไปแบบ เป็นหลักหลายๆแสน หรือ เป็นหลักล้าน นี่ ผมไม่เคยคิดจะลงทุนเลย
ดังนั้น ผมจึงเล่นแต่ AVR มาตลอด ตั้งแต่ Denon, Onkyo และล่าสุดคือ Arcam
ส่วนลำโพงในระบบของผม เป็นลูกผสมหลายๆยี่ห้อ ที่คนมาปรับตั้งระบบดูแล้วก็คงปวดหัว เพราะผสมลำโพงไม่ต่ำกว่า 4-5 ยี่ห้อเข้าด้วยกัน 😛 (น่าเห็นใจทีมงานจาก Deco มาก)
มาว่ากันถึงตัว AVR ก่อน หากยังจำกันได้ ผมได้ AVR Arcam มาใช้งานหลายเดือนแล้วละครับ แล้วผมก็ปรับมันแค่คร่าวๆเท่านั้น ไม่ได้ปรับอะไรซีเรียส เพราะยังไงก็ต้องรอทีมงานจาก Deco มาปรับตั้งเสียงอีกที ด้วยระบบ Dirac Live (อีกทั้งผมยุ่งเรื่องสารพัด รวมทั้งการ setup ลำโพง Wilson ด้วย)
ผลการใช้งานโดยคร่าวๆ คือ ผมคิดว่า Arcam ให้เสียงที่ดีกว่า Onkyo เครื่องเก่าที่ผมใช้อยู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลางแหลมนี่ ดีกว่ามาก มันทำให้ผมดูแผ่น Concert ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น จากแต่ก่อนที่ผมจะไม่เปิดฟังใน mode surround เลย พอเปลี่ยนเป็น Arcam แล้ว มันก็ฟังดูดีทีเดียวครับ
การใช้งาน Arcam เท่าที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาใดๆครับ มันใช้งานได้ดีเป็นที่น่าพอใจมากทีเดียวครับ การกลับมาพบกับ Arcam อีกครั้งในวันนี้ ก็ยังคงสร้างความพึงพอใจให้กับผมได้เหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีต
ส่วนลำโพงนั้น ผมใช้ NHT VS-2 เป็น Center , Surround L+R
ลำโพง Front L+R ผมใช้ลำโพง in-wall Ribbon Tweeter ที่ผมสั่งเป็น OEM เข้ามาเอง
ลำโพง Surround Back L+R เป็น MK ตัวเล็กๆรุ่นเก่าครับ
ส่วน ลำโพง Surround Top Front L+R และ Surround Top Back L+R นั้น ก็เป็นลำโพง OEM ที่ผมนำเข้ามาเองเหมือนกัน
มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากย้ำนะครับว่า เนื่องจากลำโพง Surround Top ที่ผมใช้นั้น ไม่มีจำหน่ายในไทย และ มันมีลักษณะพิเศษ ที่สามารถปรับมุมแผงหน้าของลำโพงได้ทั้งแผงตามต้องการ ซึ่งลำโพง in-ceiling ทั่วๆไปในไทยนั้น จะปรับมุมไม่ได้ หรือ ปรับได้แค่ tweeter เท่านั้น ดังนั้น อย่าเลียนแบบตำแหน่งการติดตั้งลำโพง Surround Top ของผมนะครับ
การติดตั้ง Surround Top ของผม ที่ติดตั้งโดยให้สัมพันธ์กับลำโพง Front ของผมนั้น ข้อดีคือ ทำให้สนามเสียง Surround บนเพดานนั้น กว้างมากครับ จะล้อมรอบตัวเราได้ดีมากๆ และ มีความต่อเนื่องกับสนามเสียงข้างหน้าได้ดีมากครับ แต่… ลำโพง Surround นั้นจะต้องปรับมุมของแผงหน้าได้ เพื่อเล็งตรงมายังตำแหน่งนั่งฟังครับ
หากคุณใช้ ลำโพง Surround Top แบบที่ยิงลงพื้นตรงๆ 90 องศา คุณจะติดตั้งกว้างเท่ากับที่ผมติดตั้งไม่ได้ อาจจะต้องติดตั้งให้แคบเข้ามา ดังนั้น อย่า copy ตำแหน่งลำโพงของผมนะครับ แต่ละห้องไม่เหมือนกัน คุณจะต้องศึกษา และ วางแผนการติดตั้งระบบให้ดีครับ และในกรณีที่ต้องเฉลี่ยให้กับตำแหน่งนั่งฟังหลายๆตำแหน่ง ก็ต้องคิดเผื่อไว้ดีๆ (ซึ่งห้องผมไม่ต้องเฉลี่ย เพราะผมออกแบบมาใช้คนเดียวเท่านั้นครับ)
อย่างไรก็ตาม คุณจะเสียความกว้างของสนามเสียงลงไปบ้าง และ การโยนเสียงต่อเนื่องมาจาก Front ก็จะมีข้อจำกัดมากกว่า แต่คุณคงต้องยอมประนีประนอมละครับ (เสียงต่อเนื่องกับลำโพง Front นั้น ลองฟังฉากพายุใน Everest ดูก็ได้ครับ ว่า ฉากพายุนั้น เสียงพายุที่พัดมาจากด้านหน้า แล้วเข้าโอบล้อมตัวคุณนั้น ทำได้ดีขนาดไหน มันต่อเนื่องมาจาก 3 ch. หน้าได้ดีหรือไม่ คุณรู้สึกว่าขอบเขตของพายุนั้น มันหลุดกว้างออกไปได้ขนาดไหน)
และ อย่าติดตั้งลำโพง Surround Top โดยยึดแนวของลำโพง Surround Back เป็นสำคัญ เพราะสนามเสียงจะหดแคบลง และ เสียงจะไม่สัมพันธ์ ไม่ต่อเนื่องกับลำโพง Front พยายามหาลำโพง ที่มีมุมกระจายเสียงแหลมได้ดีเพียงพอ และ มีคุณภาพดีเพียงพอครับ อย่าใช้ลำโพงคุณภาพต่ำ มีมุมกระจายเสียงแคบ จนต้องแก้ปัญหาด้วยการยึดแนวของ surround back แทนครับ
สำหรับลำโพง Sub Woofer ผมใช้สองตัวครับ ตัวหนึ่งเป็น Paradigm อีกตัวหนึ่งเป็น Velodyne รุ่นเล็ก ตำแหน่งของการวาง Sub Woofer ผมทำตามคำแนะนำของ Deco ครับ ทั้งตำแหน่ง และ การปรับแต่งเสียงครับ
Continuous power output, per channel, 8Ω (AVR390)
2 channels driven, 20Hz – 20kHz, <0.02% THD – 80W
2 channels driven, 1kHz, 0.2% THD – 86W
7 channels driven, 1kHz, 0.2% THD – 60W
Residual noise & hum (A-wtd) – <0.15mV Audio Performance (Stereo line inputs)
Signal/noise ratio (A-wtd, stereo direct) – 110dB
vFrequency response – 20Hz—20kHz ± 0.1dB
Video Inputs
HDMI – x7 (6 x HDMI2.0a, HDCP2.2, 1 x MHL compatible)
Video Outputs
HDMI – Z1 x2 (out1 ARC, HDMI2.0a, HDCP2.2, out2 HDMI2.0a, HDCP2.2), Z2 x1 (HDMI2.0a, HDCP2.2)
Audio Inputs
HDMI – x7, Coax SPDIF – x4, Toslink – x2, RCA Phono – x6,
3.5mm aux, USB input, Ethernet Client, Internet Radio, ARC (from display)
Audio Outputs
7.1.4 Pre-amp output – 12x RCA Phono
Zone 2 output – RCA Phono
Radio Tuner
FM / DAB / DAB+ (in appropriate markets)
Supported Surround Modes Include
Dolby Atmos, Dolby Surround
DTS:X, DTS-HD Master Audio, DTS-ES 6.1 Discrete, DTS-ES 6.1 Matrix, DTS 5.1, DTS Neural:X
General
12V Trigger x2
IR in x2
6V rSeries PSU x1
Power consumption (max) – 1.5kW (approx. 5200 BTU/hour)
Power consumption (standby) – <0.5W Dimensions & Weights (AVR550)
W x D (inc. speaker terminals) x H (inc. feet) – 433 x 425 x 171mm
Weight (net) – 16.7kg
Weight (packed) – 20.0kg
EAN/UPC code (AV390)
5 060133 602651